|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ความขัดแย้งระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการสินเชื่อส่วนบุคคลนั้นเกิดขึ้นมาตลอด แต่กรณีการออกมาโวยของลูกค้า "อีซี่บาย - ลดต้น ลดดอก" ที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้น สร้างแรงสั่นสะเทือนแก่บริษัท และต่อวงการสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างมาก ลูกค้าโวย ทนายช่วยฟ้อง กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภคช่วยฟ้อง เพื่อเรียกร้องสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าคือ "ความเป็นธรรม" โฆษณาอีซี่บายพูดไว้อย่าง แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับเป็นอีกอย่าง
หลังเกิดเหตุการณ์ พีระพงษ์ กี้ประสพสุข ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อเงินสด บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า บริษัทคิดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมในระดับใกล้เคียงกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ และอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
"การฟ้องร้องดังกล่าวคงจะมีผลกับความเชื่อมั่นของลูกค้าบ้าง แต่เชื่อว่าจะไม่มีผลกับแผนการดำเนินธุรกิจบริษัท ทั้งเรื่องแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ" เขากล่าว
ผู้ประกอบการรายอื่น ไม่ว่าจะเป็น แคปิตอลโอเค ควิกแคช อิออน ฯลฯ ก็คงรู้สึกร้อนหนาวไปตามกัน หลังการชี้แจงของอีซี่บาย เหตุการณ์ก็ไม่มีทีท่าจะคลี่คลาย กลุ่มลูกค้าได้ฟ้องร้องอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเชิญชวนกันให้หยุดพักชำระหนี้ ที่พวกเขารู้สึกถูกเอาเปรียบ
ในที่สุดอีซี่บายก็ยอมเปลี่ยนแปลง บริษัทได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมให้กับลูกค้าที่ถูกคิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมเกิน 28% ตามสัญญาเดิมก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 โดยจะเริ่มดำเนินการปรับลดอัตโนมัติ ตั้งแต่งวดเดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป แต่จะปรับให้เฉพาะลูกค้าที่ไม่มีการค้างค่างวดชำระ ขณะที่ลูกค้าที่ค้างค่างวดยินยอมชำระคืนครบถ้วนจะดำเนินการปรับอัตโนมัติให้ในงวดของเดือนต่อไป โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ของแต่ละเดือน
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการจนกระทั่งถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2549 แม้แต่กลุ่มลูกค้าที่ไปร้องเรียนกับกองปราบปรามจำนวน 18 ราย ถ้าหากเข้ามาเจรจากับบริษัทเพื่อหาทางออกและเข้าสู่เงื่อนไข ก็จะได้สิทธิดังกล่าวเช่นกัน
"อีซี่บายถือเป็นรายแรกที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมไม่เกิน 28% ส่วนหนึ่งยอมรับว่าอาจเป็นเพราะแรงกดดันจากการฟ้องร้องแจ้งความจากลูกหนี้ และส่วนหนึ่งเราก็อยากจะเป็น 'ของขวัญปีใหม่' คืนกำไรให้ลูกค้าและเชื่อว่าผู้ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลรายอื่นจะต้องปรับตามมาแน่ ซึ่งจะช่วยลูกค้าในระบบ" พีระพงษ์กล่าว
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบอะไรต่ออีซี่บายบ้างธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลเรียนรู้อะไร และควรปรับตัวอย่างไร
********
บทวิเคราะห์
กรณีลูกหนี้อีซี่บายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากการเลือกใช้บริการแบบลดต้นลดดอกนั้น มีลักษณะใกล้เคียงกับกรณีผู้คนไปฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร แตกกันแต่เพียงว่าอีซี่บายเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับอย่างรวดเร็ว ขณะที่เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรนั้นเป็นข่าวเฉพาะสื่อในเครือผู้จัดการเท่านั้น ทว่าเมื่อทอดเวลาออกไป จำนวนคนก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
กรณีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรนั้นเป็นเรื่องบ้านเมืองและตัวบุคคล ซึ่งตามปกติเรื่องบ้านเมืองเพียวๆนั้นเป็นเรื่องมหภาค หาคนสนใจอย่างจริงจังในระดับมาฟังกันมหาศาลนั้นยาก ทว่าหากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะโดยเปิดเผยเรื่องที่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาต่อหน้าสาธารณะนั้น
ผู้คนเรือนแสนจะแห่กันมาฟังอย่างแน่นอน อีซี่บายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมวลชนอย่างแน่นอนโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนซึ่งเป็นชนชั้นกลางส่วนใหญ่ในสังคมซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากค่าธรรมเนียมที่มหาศาลเกินความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมลดต้น ลดดอก ซึ่งดูเพียงชื่อคิดว่าดีเพราะคิดว่าลดทันทีและลดในทีละมากๆ
ธุรกิจสินเชื่อเงินสดเป็นธุรกิจที่ทำมาหากินกับคนส่วนใหญ่ มีค่าใช้จ่าย Back Office มากในแต่ละรายการเพราะเป็นสินเชื่อรายย่อย ทำให้ธนาคารไม่อยากเข้ามาทำธุรกิจในส่วนนี้เพราะไม่คุ้ม อีกทั้งกระบวนการทวงหนี้ที่ต้องใช้บุคลากรมืออาชีพอีกประเภทหนึ่งซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การทำธุรกิจ
และประเด็นสำคัญก็คือธนาคารพาณิชย์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่อาจคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ ส่วนสินเชื่อสะดวกใช้นั้น อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่งกำกับดูแลด้านอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเมื่อไม่นานมานี้เอง
อย่างไรก็ตามกฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง ส่งผลให้การคิดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมปีละ 50 กว่าเปอร์เซ็นยังมีอยู่อีกมาก จำนวนลูกค้าเหล่านี้คือเชื้อไฟชั้นดีที่จะจุดชนวนให้เกิดการร้องเรียนไปยังอีซี่บายและส่งผลกระทบต่อสินเชื่อเงินสดอื่นๆเช่นกัน
การลุกลามใหญ่โตออกไปเช่นนี้ก็เพราะฝ่ายลูกหนี้ได้ออกสื่อและแสดงหลักฐานว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม แม้จะถูกกฎหมายก็ตาม ทว่าอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสูงถึงเพียงนี้ก็ยากที่จะทำให้ลูกหนี้และผู้ชมทางบ้านและผู้อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ยากจะทำใจ
แบรนด์ Easy Buy ถูกกระทบอย่างรุนแรงและอาจถูกแอนตี้จากลูกค้า หากแก้เกมไม่ดี และอีซี่บายก็แก้เกมอย่างไม่มีประสิทธิผลจริงๆ
เพราะการออกมาให้คำชี้แจงนั้นช้าและคำพูดที่ใช้นั้นเป็นคำพูดที่น่าจะขัดเกลาให้ดีกว่านี้ อย่างน้อยก็อาจทำให้สถานการณ์ที่เลวร้าย ผ่อนหนักเป็นเบาได้
ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่น ควรอยู่นิ่งเฉยและสิ่งที่ควรทำจากนี้ไปก็คือให้ความรู้แก่ลูกค้าว่าดอกแพงกู้ที่นี่ จงทำใจ
***********
สืบประวัติอีซี่บาย
อีซี่บาย เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ในเครือบริษัทเอคอม หนึ่งในบริษัทที่ประกอบกิจการสินเชื่อรายย่อยที่ได้รับการยอมรับและใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวในปี 2539
นับแต่ปี พ.ศ. 2539 อีซี่ บาย ได้นำเสนอนวัตกรรมบริการด้านการเงินรูปแบบใหม่ อาทิ การอนุมัติสินเชื่อภายในเวลาอันรวดเร็ว (Fast Approval) การสัมภาษณ์เพื่อการอนุมัติแบบออนไลน์ (On-line Interview) และการชำระขั้นต่ำในธุรกิจสินเชื่อเงินสดให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้าแต่ละราย (Personal Loan Minimum Payment Program)
ปัจจุบัน อีซี่ บาย มีสำนักงานสาขาอยู่ทั่วประเทศ (ถึง 51 สาขา) และร้านค้าสมาชิกประมาณ 5,000 แห่ง
ณ สิ้นปี พ.ศ. 2547 บริษัทมียอดสินเชื่อเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท อีซี่ บาย ให้บริการสินเชื่อ 4 ประเภทด้วยกัน คือ
หนึ่ง สินเชื่อเงินสด - (สัดส่วนมากที่สุด 70%)
สอง สินเชื่อเงินผ่อน - (20%)
สาม สินเชื่อเพื่อการบริการ
และ สินเชื่อรถจักรยานยนต์
มีลูกค้ารวม 1.2 ล้านราย คาดว่าถึงสิ้นปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านราย ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในปีนี้จำนวน 24,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตราว 20%
กลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาดนั้นจะมาจากการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่ 56 สาขาขึ้นเป็น 80 สาขาในสิ้นปีนี้ รวมทั้งการเจาะตลาดต่างจังหวัด ด้วยการเข้าไปทดแทนผู้ให้กู้สินเชื่อนอกระบบในต่างจังหวัด
|
|
|
|
|