ผู้บริหารแบงก์ กรุงเทพยอมรับทีพีไอยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อกระบวนการลดเอ็นพีแอลปีนี้ต่ำกว่าเป้า ฮึดปีหน้า จะเร่งลดให้ต่ำกว่า 10% พร้อม ตั้งเป้าปล่อยกู้ปี 49 ขยายตัว 6%

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับลดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ในช่วงที่ผ่านมา ว่า สามารถปรับลงได้พอสมควร แต่ยอมรับว่ายังไม่เป็นไปตาม เป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากยังมีปัญหา เรื่องของหนี้ในส่วนของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย หรือทีพีไอ ที่มีความล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนเดิมที่คาดว่าจะแก้ไขปัญหาได้ภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ธนาคารหวังว่าการแก้ปัญหาทีพีไอจะจบได้ภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า ซึ่งถ้าทีพีไอสามารถแก้ไขปัญหาได้เรียบร้อยจะช่วยให้เอ็นพีแอลลดลงได้จำนวนมาก เนื่องจากบริษัท ดังกล่าวถือว่าเป็นหนี้รายใหญ่ของธนาคาร

ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปี 2548 นี้ ปริมาณเอ็นพีแอลของธนาคารกรุงเทพจะอยู่ที่ประมาณ 10-11% ซึ่งในปีหน้า ธนาคารตั้งความหวังว่าน่าจะสามารถปรับลดลงได้เหลือ เลขหลักเดียว หรือต่ำกว่า 10% ส่วนเอ็นพีแอลใหม่กับเอ็นพีแอลย้อนกลับก็มีบ้างแต่ไม่มากจนมีนัยสำคัญ ซึ่งธรรมชาติของการปล่อยสินเชื่อก็ต้องมีดอกเบี้ย บ้างเป็นธรรมดา ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล

"หนี้เอ็นพีแอลของธนาคาร ในสิ้นปีนี้ก็น่าจะเหลือประมาณ 10-11% พลาดเป้าไปบ้าง แต่ในภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี ปัจจัย หลักก็มาจากหนี้ในส่วนของบริษัท ทีพีไอที่ยังไม่จบ" นายสุวรรณ กล่าว

สำหรับแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า ธนาคารกรุงเทพได้ตั้งเป้าที่จะขยายสินเชื่อรวมประมาณ 6% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ภาวะการเติบโตทาง เศรษฐกิจของประเทศที่คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีประมาณ 5% ซึ่งกระบวนการในการปล่อยสินเชื่อนั้น ธนาคารต้องคำนึงถึงความเสี่ยงเป็นสำคัญ โดยยังเชื่อว่า สถานการณ์ด้านพลังงานและอัตราดอกเบี้ยเป็นประเด็นที่น่าจับตามองที่สุด

สำหรับบริษัททีพีไอนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และประมวล เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้ทีพีไอ ที่ขอให้ผู้บริหารแผนฯระงับการขายหุ้นทีพีไอให้กลุ่มร่วมทุนใหม่ชั่วคราว และคำร้องที่ให้ผู้บริหารแผนฯกำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอ ที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย จากเดิมที่กำหนดเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ปีนี้

โดยศาลพิเคราะห์เห็นว่า เป็นการพิจารณาคดีซ้ำกับคดีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2548 ที่กล่าวอ้างว่า ผู้บริหารแผนฯทำสัญญาซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนกับกลุ่มผู้ร่วมทุนใหม่ โดยเสนอขายหุ้นในราคา ที่ทำให้ผู้ค้ำประกันเสียหาย โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้บริหารแผนฯปฏิบัติตามแผนฟื้นฟู จึงได้ยกคำร้องไป และศาลฎีกามีคำสั่งยืนตามศาลล้มละลายกลาง ไม่ให้ผู้บริหารลูกหนี้ และผู้ค้ำประกันมีสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอ ก่อน

ปริมาณเอ็นพีแอลของธนาคาร 5 แห่ง ณ สิ้นเดือน ตุลาคม

ธนาคาร กรุงเทพ จำนวนเงิน 157,376 ร้อยละ 16.49
ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำนวนเงิน 42,016 ร้อยละ 9.37
ธนาคาร กสิกรไทย จำนวนเงิน 47,970 ร้อยละ 7.81
ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำนวนเงิน 67,526 ร้อยละ 11.25
ธนาคาร ทหารไทย จำนวนเงิน 74,174 ร้อยละ 13.73

หน่วย : ล้านบาท
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย