|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
PPM ยอมรับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ ลูกค้าชะลอตัวในการที่ซื้อสินค้าเพื่อใช้ในการดำเนินงานยืดออกไป คาดอาจปรับลดเป้าการเติบโตของบริษัทปีหน้าต่ำกว่าปี 48 ประมาณ 5-10% ขณะที่ก่อนหน้านี้เติบโตปีละ 50%
นายชำนาญ พรพิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรพรหมเม็ททอล จำกัด(มหาชน) (PPM) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจปีนี้ที่เริ่มเห็นแล้วว่าชะลอตัว ซึ่งจะส่งผล กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทไม่มากก็น้อย เพราะปัจจุบันพบว่า ในหลายธุรกิจที่ยอดขายสินค้าลดลง ขณะที่หลายธุรกิจ PPM ยังขายสินค้า ให้แก่ลูกค้าได้เรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งผล กระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐ-กิจ ทำให้การตัดสินใจลงทุนของผู้ประกอบการยืดเยื้อออกไปอีก
"เราต้องปรับตัวตามสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และเราอาจต้อง ลดเป้าการเติบโตของเราให้ต่ำลงด้วย เพราะเราก็หวั่นว่าจะเกิดผลกระทบจากเหตุการณ์ในปัจจุบัน" นายชำนาญกล่าว
เพราะอย่างน้อยสิ่งที่เป็นผลสะท้อนกลับมายังบริษัทคือตัวเลขผล การดำเนินงานไตรมาส 3 ของบริษัท งวดสิ้นสุด 30 กันยายน 48 พบว่ามีกำไรสุทธิ 5.39 ล้านบาท ลดลงเมื่อ เทียบกับงวดเดียวกันของปี 47 ที่มีกำไรสุทธิ 11.49 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้นจาก 383.66 ล้านบาท เป็น 533.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.97% เนื่องจากยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอุตสาหกรรมยังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากการขยายฐานลูกค้าของบริษัท
ขณะที่ตัวเลขกำไรขั้นต้นในไตรมาสดังกล่าวปีนี้ก็ลดลง อันเป็นผลจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบในตลาดโลก ซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนและราคาขายสินค้า ของบริษัท โดยปกติ PPM ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ระดับปีละประมาณ 50% โดยผลงานปี 47 เติบโตถึง 68% ซึ่งปี 49 หากสถานการณ์ยังทรงๆ ตัว บริษัทก็จะปรับเป้าต่ำลงมา ซึ่งอาจลดลง 5-10% จากปี 48 ซึ่งบริษัทจะดูจากตัวเลขเศรษฐกิจเป็นหลักในการตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ด้วย
ดังนั้น เป้าหมายของตัวเลขรายได้ทั้งปีของปี 49 อาจลดลงจากปี 48 กล่าวคือลดลงจาก 2 พันล้านบาท เหลือเพียง 1.8 พันล้านบาทเท่านั้น หรือ คิดเป็นรายได้เพียง 90% ของปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับทิศทางตามภาวะเศรษฐกิจ
นายชำนาญกล่าวว่า นอกจากการปรับเป้าต่ำลงแล้ว การหาวิธีลดต้นทุนการผลิตก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย ดังนั้น COIL CENTER ที่ก่อสร้างและจะเดินเครื่องได้ปี 49 ก็เป็นอีกทาง หนึ่งที่จะลดต้นทุนการผลิตของ บริษัท รวมทั้งการหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดและต้องมีลูกค้ารองรับในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน
โดยจะเน้นไปในสินค้าที่เป็นพวกวัสดุก่อสร้าง และมุ่งทำสินค้าที่เป็นต้นน้ำมาก (UP STREAM) มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่า แต่ไม่ใช่การลงทุนสูง เพราะสินค้าที่จะผลิตนั้น เป็นการใช้ไลน์การผลิตที่มีอยู่เดิม เพียงแต่เพิ่มสินค้าที่หลากหลายมาก ขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายลดความเสี่ยง
|
|
|
|
|