"มิสทิน"เผยแผนทำตลาดปีจอเตรียมงบกว่า 400 ล้านบาท เน้นสร้างแบรนด์ผ่านพรีเซ็นเตอร์ทั้ง "อั้ม พัชราภา" และ "ติ๊ก เจษฎาภรณ์" ล่าสุดเตรียมสร้างสีสันใหม่ให้ตลาด ด้วยการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ "ขวัญ อุษามณี" พร้อมเดินหน้าลดต้นทุนในองค์กรและออกผลิตภัณฑ์ไซส์ประหยัดรับมือภาวะเศรษฐกิจ เตรียมรุกคอนวีเนียนสโตร์เต็มสูบทั้งวี ชอป, 108 ชอป และแฟมิลี่ มาร์ท หลังจากวางขายสินค้าในเซเว่นฯแล้วเวิร์ก ปีหน้าตั้งเป้าสาวมิสทินเพิ่ม 1 แสนรายและยอดขายโต 10%
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ ขายตรงชั้นเดียว "มิสทิน" เปิดเผย กับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า การดำเนิน ธุรกิจในปี 2549 บริษัทฯเตรียมใช้งบการตลาดประมาณ 400 ล้านบาท ในการทำตลาดให้กับแบรนด์มิสทิน อย่างต่อเนื่อง และยังคงใช้กลยุทธ์ พรีเซ็นเตอร์เป็นจุดขายหลัก เนื่อง จากการทำตลาดแบบนี้ได้ผลดีต่อแบรนด์และยอดขายของมิสทิน ปัจจุบันพรีเซ็นเตอร์หลักของมิสทิน มีทั้ง"อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ" และกำลังจะหมดสัญญากับมิสทินในกลางปีหน้า และ "ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี" พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2548 ล่าสุดบริษัทฯกำลังจะเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ "ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์" ซึ่งเป็นนักแสดงดาวรุ่ง จากช่อง 7
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนปรับตัวในหลายๆ ส่วน อาทิ ตั้งเป้าจำนวนสาวมิสทินเพิ่มขึ้น 15% หรือประมาณ 1 แสนราย จากปัจจุบันมีจำนวน 6 แสนกว่าราย ส่วนเรื่องตัวผลิตภัณฑ์หรือสินค้าบริษัทฯได้เริ่มมีการปรับลดต้นทุนการผลิตและปรับปริมาตรหรือออก สินค้าขนาดประหยัดไปบ้างแล้ว เพื่อที่จะไม่เป็นการผลักภาระไปยังผู้บริโภคมากเกินไป ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแบบนี้ โดยปัจจุบันพบว่าลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้า ไซส์ประหยัดมีสัดส่วน 30% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดนี้เบื้องต้นจะเป็นกลุ่มเครื่องสำอางมิสทินในบางรายการ ขณะที่อนาคตบริษัทฯเตรียมเข้าทุกหมวดเครื่องสำอาง
ส่วนช่องทางการขายสินค้าของมิสทินนอกเหนือจากการสั่งซื้อสินค้าจากสาวมิสทินและจากแค็ตตาล็อกแล้ว ปัจจุบันยังมีขายผ่านคอนวีเนียนสโตร์อย่างเซเว่น อีเลฟเว่นที่มีกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งสินค้าที่วางขายจะมีขนาดเล็กและราคาไม่แพง ขณะนี้มีกว่า 9 รายการ เช่น โลชั่น, แป้งพัฟ, แป้งฝุ่น, โลออนและมาสคาร่า เป็นต้น
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4 นี้บริษัทฯได้ขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มไปยังร้านสะดวกซื้อ วีชอปกว่า 860 สาขาทั่วประเทศ จากนั้นเตรียมนำสินค้าไปขายผ่านร้าน 108 ชอปในต้นปีหน้า และขยายช่องทางไปยังร้านแฟมิลี่ มาร์ทภายในปีหน้า ทั้งนี้ ในส่วนของยอด รายได้ในช่องทางคอนวีเนียนสโตร์ในปัจจุบันยังมีน้อยอยู่ หรือมีสัดส่วน 3-4% ขณะที่ปีหน้าหลังจาก การขยายตลาดคาดว่ายอดขายช่อง ทางนี้จะโตขึ้น 0.5%
ส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯสิ้นปี 2548 นี้คาดว่าจะปิดยอดได้ที่ 5,600 ล้านบาทหรือมีอัตราการโตขึ้น 13% ซึ่งถือว่าเกินเป้าที่วางไว้ที่ 10% จากการที่บริษัทฯรุกตลาดแค็ต-ตาล็อกฟรายเดย์ซึ่งยังมีฐานน้อยอยู่ และการมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้สินค้าของมิสทินขายดี ขณะที่ปีหน้าคาดการณ์ ว่ายอดรายได้จะโตจากปีนี้ 10%
|