"อาภา คิ้วคชา" บิ๊กบล.แอ๊ดคินซันแบะท่าพร้อมบริหารงานร่วมกับกลุ่มพายัพ-ชนะชัย เชื่อจะทำให้บริษัทดีขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ชี้หวังจะให้เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ ที่ต้องทนแบกมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ให้จับตา 16 ม.ค.วันที่กำหนดใช้สิทธิถึงจะรู้ว่ามีใครเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด

นางอาภา คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ปิดสมุดทะเบียนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)ชุดที่ 4 (ASL-W4) ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ผู้ถือหน่วย ASL-W4 มาแจ้งรายชื่อ ดังนั้นขณะนี้จึงยังไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เข้ามา ถือหน่วย ASL-W4 และในจำนวน เท่าใด ซึ่งจะรู้แน่ชัดภายในวันที่ 16 มกราคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่กำหนด การใช้สิทธิ ซึ่งผู้ถือหน่วย ASL-W4 จะต้องมาชำระเงิน

ทั้งนี้ ถ้านายพายัพ ชินวัตรและนายชนะชัย ลีนะบรรจง ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเข้ามาถือหน่วย ASL-W4 เป็นจำนวนมากและหวังจะแปลงสภาพให้เป็นหุ้นสามัญ เพื่อ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ นางอาภากล่าวว่า ถ้ากลุ่มนายพายัพต้องการ ที่จะเข้ามาร่วมบริหารใน บล. แอ๊ดคินซันในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก็มีความยินดี เพราะเชื่อว่าเป็นการช่วยทำให้บล.แอ๊ดคินซันดีขึ้น ซึ่งก็จะเกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นอีกด้วย

"ถ้ากลุ่มนายพายัพและนายชนะชัยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตร โดยหวังจะเข้ามาร่วมบริหารนั้น เราก็มีความยินดี เพราะเชื่อว่าจะทำให้บริษัทดีขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นของบริษัทรวมถึงผู้ถือหุ้นด้วย เพราะที่ผ่านมาดิฉันก็ต้องแบก รับภาระมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ดังนั้นถ้ามีคนเข้ามาช่วยก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และบล.แอ๊ดคินซันก็ถือเป็นบริษัทมหาชนไม่ใช่ของดิฉันคนเดียว" นางอาภากล่าว

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวลือว่ากลุ่มนายพายัพได้มีการปรับท่าทีใหม่ จากเดิมที่มีแผนจะเข้าเทกโอเวอร์กิจการของ บล.แอ๊ดคินซันนั้น เปลี่ยนเป็นเข้าร่วมบริหารงานกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม เพราะเชื่อมั่นว่าถ้ากลุ่มนายพายัพเข้ามาร่วมบริหารจะเกิดผลดีต่อบล. แอ๊ดคินซันในแง่ของแหล่งเงินทุนที่จะมีมากขึ้น และอาจจะช่วยทำให้ บริษัทมีมาร์เกตแชร์เพิ่มขึ้นได้ เนื่อง จากนายพายัพและนายชนะชัย ถือ เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ดังนั้นอาจจะย้ายพอร์ตการซื้อขายมาซื้อขายผ่านบล.แอ๊ดคินซันได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องจับตามองคือสัดส่วนการถือหุ้นของทั้ง 2 ฝ่ายคือฝ่ายกลุ่มผู้บริหาร เดิมคือกลุ่มนางอาภาว่าถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด และกลุ่มนายพายัพถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด เพราะเชื่อว่าจะมีผลต่อการต่อรองในแง่ของอำนาจการบริหาร และการกำหนดแนวนโยบายต่อไปของ บล. แอ๊ดคินซันในอนาคต เพราะบล.แอ๊ดคินซันยังมีข้อดีเกี่ยวกับกระแสเงินสดที่มีอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะลดลงจากในอดีตที่เคยอยู่ในระดับ 3 พันล้านบาท จนขณะนี้คาด ว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 1 พันล้านบาท และยังมีสินทรัพย์เกี่ยวกับสำนักงานสาขาบริการค้าหลักทรัพย์ ที่มีอยู่จำนวนมากและส่วนใหญ่เป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่และมีการตกแต่งอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของ บล. เอเพกซ์ บริษัทหลักทรัพย์ในเครือ บล.แอ๊ดคินซัน หลังจากที่ บล. แอ๊ดคินซันได้นำ บล.เอเพกซ์มาควบรวมกิจการกันแล้ว จึงเหลือใบ อนุญาตของ บล.เอเพกซ์ ที่ยังไม่ได้ ดำเนินการอะไร และมีกระแสข่าวว่า มีแผนที่จะเสนอขาย เพราะที่ผ่านมามีสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงนักลงทุนที่เป็นบุคคลได้มาติดต่อขอซื้อใบอนุญาตดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพราะบล.เอเพกซ์เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีใบอนุญาตครบทั้ง 4 ใบ ดังนั้นจึงเชื่อว่าถ้ามีการขายใบอนุญาตดังกล่าวแล้วจะทำให้ บล.แอ๊ดคินซันได้รับเงินเข้าบริษัทอีกเป็นจำนวนมาก