แม่ทัพใหม่เครื่อง ร้อนโดดผ่าทางตันแอทแทค ทุ่ม 500 ล้านบาทเปิดตัวผงซักฟอกน้องใหม่ "แอทแทค อีซี่" แจ้งเกิดตลาดสูตรมาตรฐาน ชูการมีสินค้าครบไลน์ จุดขายขจัดคราบสกปรกง่าย บันได สานฝันทวงบัลลังก์บรีส ปีหน้าแชร์ รวมขยับจาก 9.8% เป็น 20% ชี้งานนี้ไม่หมูยักษ์ใหญ่ "บรีส" อัดงบปีละ 750 ล้านบาทปิดทาง ส่วนมวยรองแอทแทค อีซี่เจอ "เปา เฮยาบูชิ"
หลังจากค่ายผู้ผลิตสินค้าอุปโภค จากแดนปลาดิบ "คาโอ คอมเมอร์ เชียล" เงียบหายไปนาน และไม่เคยเปิดตัวในปีนี้ ล่าสุดออกมาเคลื่อนไหวปลายปี ด้วยการเลือกสินค้าที่ถือว่าเคยเป็นเรือธงและสร้างรายได้หลักให้กับคาโอฯ อย่างผงซักฟอก "แอทแทค" ซึ่งเคยเป็นผู้นำตลาดผงซักฟอกในสูตรเข้มข้น กลับมาทวง บัลลังก์อีกครั้งภายหลังจากสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดให้กับบรีส เอกเซลปี 2546
นายชิเกรุ อูเอยามา ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวผงซักฟอก "แอทแทค อีซี่" ซึ่งเป็นการขยายไลน์สินค้า ใหม่ลงสู่สูตรมาตรฐานของตลาดผงซักฟอก แม้ว่าทิศทางของตลาดจะมีอัตราการเติบโตน้อย แต่เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดคิดเป็น 52% จึงทำให้บริษัทตัดสินใจลง สู่ตลาดนี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับผงซักฟอก สูตรเข้มข้นสัดส่วน 40% ทิศทางของ ตลาดมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าก็ตาม ส่วนผงซักฟอกชนิดน้ำสัดส่วน 8% จากมูลค่าตลาดรวม 11,500 ล้านบาท และปีหน้าคาดว่าตลาดจะมีมูลค่า 12,000 ล้านบาท
แม้ว่าตลาดผงซักฟอกมาตรฐาน จะมีอัตราการเติบโต แต่จากการสำรวจ พฤติกรรมผู้บริโภค 400 ครัวเรือน พบว่า 50% ของผู้บริโภคไทยมีการซักผ้าด้วยมือในปริมาณที่มากกว่าประเทศญี่ปุ่น บริษัทจึงเห็นถึงพฤติกรรมการซักผ้าของลูกค้ากลุ่มนี้ จึงได้เริ่มโครงการพิเศษขึ้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาที่ประเทศไทย เพื่อพัฒนา ผลิตภัณฑ์ใหม่แอทแทค อีซี่ ด้วยสูตร อีซี่ รับส์ ภายใต้จุดขาย "ขจัดคราบสกปรกได้ง่ายกว่า ขยี้ง่าย ซักได้ลื่นมือ" เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ โดยทั้งหมดมี 5 ขนาดเท่ากับคู่แข่งในตลาด ได้แก่ 90 กรัม 150 กรัม 650 กรัม 1,000 กรัม
สำหรับการเปิดตัว "แอทแทค อีซี่" ในครั้งนี้ ส่งผลให้แอทแทคกลาย เป็นผงซักฟอกที่มีสินค้าครบไลน์เพิ่มขึ้นจากเดิมแอทแทคมีแต่ผงซักฟอกสูตรเข้มข้นเท่านั้น และนับเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่จากที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวของแอทแทค ท่ามกลางการแข่งขันที่มีความรุนแรง ทำเพียงแค่การรีลอนช์ผงซักฟอกแอทแทคใหม่ เพิ่มสารป้องกันกลิ่นอับชื้น และใส่กลิ่นน้ำหอมชนิดใหม่ ให้เหมาะกับรสนิยมคนไทย นอกจากนี้ยังปรับบรรจุภัณฑ์ Roll and lock bag เพื่อช่วยให้ใช้สะดวกมากขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งมีการออกนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
การที่บริษัทมีความเคลื่อนไหว น้อย ทำให้แอทแทคซึ่งเป็นผู้นำตลาด ผงซักฟอกสูตรเข้มข้นในปี 2545 มีส่วนแบ่งเหลือ 26% ในปี 2546 สูญเสีย ตำแหน่งให้กับบรีสเอกเซลซึ่งมีส่วนแบ่ง 59% อย่างไรก็ตาม การกลับมา ของแอทแทค ด้วยการเปิดตัว แอทแทค อีซี่ ในครั้งนี้ คาโอใช้งบการ ตลาด 500 ล้านบาท ภายใต้การทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสื่อโฆษณา ทางโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดจำหน่าย รวมทั้งการแจกสินค้า 2 ล้านชิ้น โดยวาง เป้าหมายหลังจากที่แอทแทคมีทั้งสูตรเข้มข้นและมาตรฐานจะมีส่วนแบ่งเพิ่ม 20% จากปัจจุบันมีเพียงสูตร เข้มข้นมีส่วนแบ่ง 9.8% คู่ชกยักษ์ใหญ่ "บรีส" ผู้นำตลาด
การที่แอทแทคโดดลงมาเล่นตลาดสูตรมาตรฐานในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายมากนัก เพราะตลาดดังกล่าวมีคู่แข่งที่น่าเกรงขาม และเป็นผู้นำตลาดที่มีงบลงการตลาดมหาศาล โดยในแต่ละปีบรีสใช้งบการ ตลาดถึง 750 ล้านบาท หรือราว 15% ของยอดขาย 5,000-6,000 ล้านบาท งบจำนวนหนึ่งแบ่งเป็นการใช้เพื่อเปิดแคมเปญ "กล้าเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์" ภายใต้โครงการบรีส เปิดโลกการเรียนรู้ ซึ่งเป็นธีมที่บรีส มีความแข็งแกร่ง โดยมุ่งส่งเสริมให้ เยาวชนกล้าคิด กล้าลงมือทำจริงโดยไม่กลัวความสกปรกเลอะเทอะ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาการที่ สมบูรณ์ แคมเปญดังกล่าวทำให้บรีส สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้าง ขวาง
ไม่เพียงเท่านั้นบรีสเองยังมีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวบรีสสูตรมาตรฐานไม่มีผงแป้ง หรือสูตรเข้มข้น เปิดตัว บรีส เอกเซล วันซิสเต็ม ควบคู่กับการทำตลาดระหว่างผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท ส่งให้ในปีที่ผ่านมาผลประกอบการโดยรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์ผงซักฟอกของยูนิลีเวอร์ ประกอบด้วย บรีส,โอโม และเซิร์บ ราว 5,000-6,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าโต 8-9% โดยปี 2547 ยูนิลีเวอร์มีส่วนแบ่งในเชิงมูลค่าเพิ่มจากปี 2546 จาก 63% เป็น 65% แบ่งเป็นบรีส 47% โอโม 17% สำหรับในปีนี้ตั้งเป้าบรีสมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 50% โอโม 18%
มวยรอง "เปา เฮยาบูชิ" แจ้งเกิดแล้ว
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผงซักฟอกเปา เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาผงซักฟอกเปาได้ปรับใหม่ เน้นนวัตกรรมแก้ปัญหากลิ่นอับของผ้าหรือเปา เฮยาบูชิ มาเป็นจุดขายของแบรนด์ เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามากขึ้น จากเดิมเปาจะชูคุณสมบัติแค่พื้นฐานของการซักผ้าเท่านั้น โดยยังขาดนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาด
"หลังจากที่ได้ส่งเปาวินวอช นวัตกรรมใหม่ขจัดปัญหาผ้ามีกลิ่นอับลงสู่ตลาดแล้ว ปรากฏว่าสินค้าได้ รับการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งถือว่าเปามาถูกทางแล้ว โดยภาพลักษณ์ เปามีความทันสมัยมากขึ้น จาก สินค้ายุคคุณแม่มาสู่กลุ่มสาวคนรุ่นใหม่มากขึ้น และเราจะใช้นวัตกรรมใหม่ แก้ปัญหาผ้ามีกลิ่นอับำเพื่อสื่อสารใหม่แก่กลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง"
ปัจจุบันเปาถือว่าเป็นแบรนด์หลักที่สร้างรายได้ให้กับไลอ้อนเป็นอันดับหนึ่ง โดยภายหลังจากการปรับสูตรใหม่ในครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าเปาจะมีส่วนแบ่งการตลาด จาก 13-14% เพิ่มเป็น 15% โดยเป็น อันดับสามของตลาด ในขณะที่คู่แข่งบรีสยังคงเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 36.6% ตามด้วยโอโม 18% แอทแทค 10% และแฟ้บ 8%
|