|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
คลอดกองทุนอีทีเอฟ ลงทุนในดัชนี FTSE/ASEAN40 พร้อมนำไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ภายในครึ่งปีแรกปี 49 "เศรษฐพุฒิ"เชื่อมั่นว่าจะเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจ เหตุสามารกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และประหยัดต้นทุนที่จะลงทุน แต่บลจ.ของไทยที่จะออกกองทุนเอฟไอเอฟเมินที่จะออกกองทุนลงทุนใน หุ้นที่อยู่ในดัชนีFTSE/ASEAN40 เหตุสภาพตลาดหุ้นในอาเซียนมีความใกล้เคียงกัน
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากตลาดหลักทรัพย์ได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ของประเทศในกลุ่มอาเซียนและได้ออกดัชนี FTSE/ASEAN 40 ขึ้นมา ขณะนี้ได้มีแผนจะออกกองทุนอีทีเอฟ (Exchange Traded Funds:ETF) ซึ่งเป็นกองทุนที่จะลงทุนในหุ้น 40 บริษัทที่อยู่ในดัชนีFTSE/ASEAN 40 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการสถาบันการเงินหลายแห่งที่เสนอตัวจะเป็นผู้จัดการกองทุนอีทีเอฟดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้มีการคัดเลือกแล้ว 1 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผย โดยสถาบันการเงินดังกล่าวถือเป็นบริษัทที่มีประสบการการซื้อขายและการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากกองทุนนี้จะเอานำเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ภายในครึ่งปีแรกของปี 2549 และต่อไปในอนาคตก็มีแผนที่จะนำเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์นับเป็นตลาดที่มีความพร้อมมากที่สุดเมื่อพิจารณาจากตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน 5 แห่ง เนื่องจากว่าเป็นตลาดที่มีกองทุนอีทีเอฟ เข้าจดทะเบียนและซื้อขายแล้วประมาณ 7-8 กอง ดังนั้นถือได้ว่าเป็นตลาดที่มีประสบการณ์ และเชื่อว่ากองทุนอีทีเอฟที่กำลังออกซึ่งจะลงทุนในดัชนี FTSE/ASEAN 40 จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ 5 ประเทศได้ รวมถึงยังช่วยประหยัดต้นทุนในการลงทุน เพราะการลงทุนในกองทุนดังกล่าวก็เหมือนกับลงทุนในหุ้น 5 ตลาดในภูมิภาคอาเซียนเลย โดยผลตอบแทนที่จะได้รับนั้น จะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของดัชนี FTSE/ASEAN 40 ส่วนขนาดของกองทุนนั้นไม่ได้จำกัด ขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อของนักลงทุน แต่จะมีการกำหนดมูลค่ากองทุนขั้นต่ำไว้ ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้กำหนด
กองทุนอีทีเอฟ ในต่างประเทศนั้นถือว่ามีเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนได้ และคาดว่าในอนาคตกองทุนอีทีเอฟ จะได้รับความสนใจในตลาดทุนไทยเช่นเดียวกัน
นายเศรษฐพุฒิกล่าวต่อว่า เนื่องจากประเทศไทยนั้นมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เสียก่อน ดังนั้นกองทุนอีทีเอฟที่จะออกนั้น อาจจะใช้ช่องทางที่ไม่ผิดกฎ โดยให้ผู้จัดการกองทุนเป็นสถาบันการเงินต่างประเทศ เพราะต่างประเทศสามารถลงทุนได้อย่างเสรี โดยสามารถไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างๆ ได้
นอกจากนี้ ดัชนี FTSE/ASEAN40 เป็นสินค้าที่หวัง นำไปใช้สร้างรายได้เก็บค่าธรรมเนียมในการใช้ ซึ่งผู้คิด 5 ประเทศเป็นเจ้าของสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการโปรโมทแนะนำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ของไทย ที่มีแผนจะออกกองทุนในลักษณะ กองทุนเพื่อลงทุนต่างประเทศ(FIF)นำไปใช้ แต่ปรากฏว่าบลจ.ส่วนใหญ่ไม่สนใจเท่าที่ควรเพราะมองว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนนี้มีความใกล้เคียงและกองทุนเอฟไอเอฟ ของบลจ.นั้นสามารถลงทุนได้ทั่วโลก ซึ่งมีความน่าสนใจมากกว่า อย่างไรก็ตามหวังในอนาคตได้รับการตอบรับที่ดี จากพวกบลจ.ในประเทศ
ส่วนSET100 นั้นนายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า หลังตลาดหลักทรัพย์ได้ออกมา โดยได้คัดเลือกหุ้นที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงสุด 100 อันดับแรก และเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องนั้น ขณะนี้มีบลจ.ต่าง ๆ สนใจนำไปใช้มากขึ้น เนื่องจากสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนได้ และภายในเดือนนี้จะมีการประกาศชื่อหุ้นที่อยู่ใน SET 100 ชุดใหม่ออกมา
ส่วนกรณีที่บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ตลาดหลักทรัพย์ก็คงไม่มีการเพิ่มจาก SET 100 ให้เป็น SET 150 เพราะเชื่อว่า SET 100 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ถือว่าครอบคลุมหุ้นทั้งตลาดคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมหรือมาร์เกตแคปแล้วประมาณ 80%แล้ว
อนึ่งดัชนี FTSE/ASEAN40 ถือเป็นความร่วมมือตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน 5 แห่งประกอบด้วยตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซ่ามาเลเซีย,ตลาดหลักทรัพย์จาการ์ต้า,ตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์,ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้เริ่มใช้และเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2548 ที่ผ่านมา โดยดัชนีดังกล่าวเป็นดัชนีที่สามารถซื้อขายได้ สำหรับกองทุนต่างๆ กองทุนประเภทอีทีเอฟ รวมถึงเป็นหลักทรัพย์อ้างอิงสำหรับสัญญาอนุพันธ์ต่างๆ เป็นต้น
|
|
 |
|
|