Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 ธันวาคม 2548
เตือนหายนะหนี้รายย่อยฟิทช์ฯผวาเบี้ยวหนี้-นอนแบงก์อ่วม             
 


   
www resources

โฮมเพจ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)

   
search resources

ฟิทช์ เรตติ้งส์
Economics
Loan




ฟิตช์ เรตติ้งฯ ผวาปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจในปีหน้า "หายนะหนี้รายย่อย" หลังธนาคารพาณิชย์ และนอน-แบงก์ โหมปล่อยกู้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมากระหน่ำ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ฉุดความสามารถการคืนหนี้ลดลง หวั่นเริ่มผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น ขณะที่ธนาคารไทยธนาคารยอมรับตลาดสินเชื่อรายย่อยแข่งเดือด ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบ้าน

นายวินเซนต์ มิลตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิทช์ เรตติ้งส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2549 พื้นฐานเศรษฐกิจยังคงมีความมั่นคง โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวในอัตรา 5% เมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวประมาณ 4.5% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออก และการลงทุนของภาคเอกชนที่ขยายตัวสูงขึ้น

สำหรับแนวโน้มการส่งออกในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวสูงขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่งผลให้ภาคเอกชนเร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น

ส่วนแนวโน้มการขยับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ฟิทช์ฯ ประเมินว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมากนัก เนื่องจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาก

นายมิลตัน กล่าวว่า ประเด็นที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าคือ ปัญหาเรื่องความสามารถการคืนหนี้ของลูกหนี้รายย่อย ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในส่วนของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอน-แบงก์) ที่เข้ามารุกในตลาดสินเชื่อบุคคล แข่งขันกับธนาคารพาณิชย์มากขึ้น และที่สำคัญการที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เริ่มขยับจะทำให้ความสามารถในการคืนหนี้ลดลง และเชื่อว่าในปีหน้าโอกาสการผิดนักชำระหนี้ของกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะมีมากขึ้น ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับนอน-แบงก์ และธนาคารพาณิชย์เกิดใหม่ ที่รุกในตลาดสินเชื่อรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย

สำหรับภาพรวมการก่อหนี้ในส่วนของภาคครัวเรือนในช่วง 4-5 ปีก่อนหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยจากการสำรวจข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ภาระหนี้ภาคครัวในปี พ.ศ. 2539 หนี้สินภาคครัวเรือนของไทยอยู่ที่ 52,001 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มเป็น 82,485 บาทต่อครัวเรือน ในปี 2545 หรือเพิ่มขึ้น 8% ต่อปี ก่อนที่จะทะยานขึ้นเป็น 103,940 บาทต่อครัวเรือน ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2547 หรือเพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับปี 2545 ขณะที่รายได้ในครึ่งปีแรกของปี 2547 อยู่ที่ 14,617 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นเพียง 4.4% เมื่อเทียบกับปี 2545

การเพิ่มขึ้นของหนี้ภาคครัวเรือนในปี 2547 ที่ในช่วงครึ่งปีแรกหนี้ต่อครัวเรือนสูงถึง 103,940 บาทต่อครัวเรือน สอดคล้องกับตัวเลขการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค และสินเชื่อบุคคลของระบบธนาคารพาณิชย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2547 อยู่ที่ 8.26 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 8.6 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.8% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อที่เกิดขึ้นจากสินเชื่อส่วนบุคคลจำนวน 32.3%

ขณะที่รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิต ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2548 มีมูลค่ารวม 135,964 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,294 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ขณะที่ยอดการเบิกเงินสดล่วงหน้า ผู้ถือบัตรเครดิตมีการเบิกเงินสดผ่านบัตรเครดิตกว่า 55,007 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 514 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนที่มีมูลค่า 51,841 ล้านบาท

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า แนวโน้มธุรกิจนอน-แบงก์ และธนาคารพาณิชย์ที่เข้ามาบุกตลาดสินเชื่อรายย่อย แนวโน้มในปีหน้าอาจเกิดปัญหาในเรื่องของการผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูง และค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากปัญหาราคาน้ำมัน ซึ่งผลักดันให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มตาม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นตาม นั่นหมายความว่าความสามารถในการคืนหนี้จะลดน้อยถอยลง

ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการกองทุนรวม กล่าวว่า แนวโน้มผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในปีหน้าคาดว่าจะปรับตัวลดลง เนื่องจากในปีหน้ากลุ่มธนาคารพาณิชย์เริ่มต้องจ่ายภาษีคืนให้กับกรมสรรพากร หลังจากที่ก่อนหน้าประสบปัญหาขาดทุนจึงไม่ต้องจ่ายภาษีให้กับกรมสรรพากร

นายธาดา จารุกิจไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงยอดการปล่อยสินเชื่อรายย่อยในรอบปีที่ผ่านมา หลังจากธนาคารไทยธนาคารเริ่มที่จะรุกตลาดสินเชื่อรายย่อย เนื่องจากที่ผ่านมาผลจากการควบรวมกิจการกับ 12 ไฟแนนซ์ทำให้มีสัดส่วนสินเชื่อรายใหญ่เป็นจำนวนมาก

นายธาดา กล่าวว่า ต้นปี 2548 ได้จัดผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ประกอบด้วยสินเชื่อบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อการศึกษา สินเชื่อเพื่อเจ้าของกิจการ สินเชื่ออเนกประสงค์สำหรับต่อเติมอาคารบ้านเรือน และมีเป้าหมายปล่อยกู้รวมประมาณ 4,000 ล้านบาท ถึงขณะนี้ได้ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท จึงทำให้เชื่อว่าสิ้นปีซึ่งมีเวลาเหลืออีกประมาณ 2 สัปดาห์จะสามารถปล่อยกู้ได้ถึง 6,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ประมาณ 90% เป็นสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อที่อยู่อาศัย

สำหรับในปี 2549 สถาบันการเงินจะมีการแข่งขันกันมากในส่วนของสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย รวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิต โดยเฉพาะกรณีที่สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ถูกบังคับให้คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 28% นั้น จะส่งผลให้สถาบันการเงินเหล่านั้นหันมาให้ความสนใจกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีรายได้เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารพาณิชย์มุ่งให้บริการอยู่แล้ว สถาบันการเงินจะแข่งขันด้วยเรื่องของการอำนวยความสะดวก ความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อมากกว่าที่จะใช้นโยบายด้านราคา เพราะว่าธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์นั้น คงจะมีข้อจำกัดมากในการที่จะลดดอกเบี้ยลงมาอีกเพราะในอดีตเคยคิดในอัตราสูง จึงเชื่อว่ายังจะมีการคิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงเต็มเพดาน 28%

ขณะที่ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ไทย เช่น ไทยธนาคาร คิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมประมาณ 15-20% เท่านั้น แต่ยอมรับว่ากระบวนการอนุมัติของธนาคารอาจล่าช้ากว่า เพราะต้องคำนึงถึงมาตรฐานความเสี่ยงตามเกณฑ์ที่เข้มงวดของธปท. แต่คาดว่าสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะยังคงมีการขยายตัวคึกคักกว่าปีนี้ตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่าปีนี้

ส่วนการให้บริการด้านสินเชื่อบัตรเครดิตนั้น ธนาคารไทยธนาคารมีแผนที่จะให้บริการเช่นกัน แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ดังนั้น ในปีหน้าก็อาจจะยังไม่ได้ดำเนินการออกบัตรเครดิตให้ลูกค้า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us