สำรวจเจ้าของหุ้นน้องใหม่ทนเห็นหุ้นต่ำจองไม่ไหว ทยอยซื้อเก็บหุ้นเข้าพอร์ต อาทิ TMT GLOW UEC DRT ส่วนหุ้นน้องใหม่ที่ราคาพุ่งสูงกว่าจอง พบผู้ถือหุ้นใหญ่ฉวยจังหวะขายทำกำไรออกมา SOLAR UOBKH เหตุไม่มั่นใจทิศทางตลาดหุ้น ขณะที่ "ราชศักดิ์ สุเสวี" ขาย POWER ออกมา
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) ภายในปี 2548 ปรากฏว่ามีหุ้นหลายบริษัทที่ราคาปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคาจอง และทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้ทยอยเข้ามาซื้อหุ้น ซึ่งประกอบด้วยหุ้นบริษัทค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน)(TMT) ซึ่งกำหนดราคาจองที่ระดับ 5.59 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่อมาราคาได้ปรับตัวลดลงจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาต่ำกว่าจอง ดังนั้นจึงส่งผลทำให้ผู้บริหารของบริษัท ค้าเหล็กไทยได้เข้ามาซื้อตลอดมาเป็นจำนวน 4.1 ล้านหุ้น โดยไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย
ทั้งนี้ ผู้บริหารบริษัท ค้าเหล็กไทย ที่เข้ามาซื้อหุ้นตัวเองได้แก่ นายไพศาล ธรสารสมบัติ ซึ่งทยอยเข้ามาซื้อจำนวน 9 ครั้งเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 1.2 ล้านหุ้น และนายสูรณ์ ธรสารสมบัติ ได้เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 8 ครั้ง คิดเป็นจำนวน 2.9 ล้านหุ้น
นอกจากนี้มีบริษัทโกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW) ซึ่งได้กำหนดราคาจองที่หุ้นละ 24 บาทและราคาหุ้นในวันแรกที่เข้ามาซื้อขายอยู่ในระดับ 22.50 บาทต่ำกว่าราคาจอง 6.25% ทำให้ช่วงที่ผ่านมาผู้บริหารของบริษัทโกลว์ พลังงาน ได้ทยอยเข้ามาซื้อหุ้น เป็นจำนวน 303,200 หุ้น ซึ่งคนที่เข้ามาซื้อหุ้น ประกอบด้วย เบรนเดอน จี.เอส. วาวเทอร์,ปีเตอร์ วาเลอร์ เจอร์เมน เทอร์โมท,นายสุทธิวงศ์ คงสิริและนายอนุตร จาติกวณิช
อย่างไรก็ตามก็พบว่าผู้บริหารได้ขายหุ้นออกมาเช่นกัน โดยขายจำนวน 33,200 หุ้น คือ นายสุทธิวงศ์ คงสิริ ได้ขายหุ้นเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2548 จำนวน 9,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 22.10 บาทและนายอนุตร จาติกวณิช ขายหุ้นจำนวน 24,200 หุ้นในราคาหุ้นละ 23.03 บาท
หุ้นบริษัทยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (UEC) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ กำหนดราคาจองที่ระดับ 8.10 บาทปรากฏว่าราคาจองวันแรกปิดที่ 6.50 บาท โดยผู้บริหารที่เข้ามาซื้อหุ้นคือนายไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร ซื้อจำนวน 3 ครั้งเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน จำนวน 775,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 6.91 บาท,วันที่ 29 พฤศจิกายน จำนวน 300,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 6.70 บาทและวันที่ 30 พฤศจิกายนจำนวน 26,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 6.30 บาท รวมเป็นหุ้นทั้งหมด 1.101 ล้านหุ้น
นางพัณณิดา เฉลิมทรัพยากร เข้าซื้อหุ้นบริษัทยูนิมิตฯ ภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 จำนวน 250,000 หุ้นหรือ 0.17% ภายหลังการได้มาทำให้นางพัณณิดา ถือหุ้น 7.357 ล้านหุ้นหรือ 5.14%,นางภัทรา เฉลิมทรัพยากร เข้ามาซื้อหุ้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จำนวน 60,000 หุ้นหรือ 0.04% ภายหลังการได้มาทำให้ถือหุ้น 7.167 ล้านหุ้นหรือ 5.01% และนางพงศ์เฉลิม เฉลิมทรัพยากร เข้าถือหุ้นเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2548 จำนวน 100,000 หุ้นทำให้ภายหลังถือหุ้นจำนวน 7.207 ล้านหุ้นหรือ 5.04%
หุ้นบริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) (DRT) กำหนดราคาจองที่ 7.80 บาทปรากฏว่าราคาจองวันแรกปิดที่ระดับ 6.25 บาทราคาต่ำกว่าจอง 19.87% โดยมีนายชัยยุทธ ศรีวิกรม์ ได้เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 50,000 หุ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548 ในราคาหุ้นละ 6 บาท
อย่างไรก็ตามก็พบว่าหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์บางบริษัทที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่าราคาจองมาก ก็มีแรงเทขายทำกำไรออกมาเช่นกัน ซึ่งประกอบด้วยหุ้นบริษัทโซลาร์ตรอน จำกัด(มหาชน)(SOLAR) ซึ่งกำหนดราคาจอง 8 บาทราคาปิดวันแรกอยู่ที่ระดับ 11.60 บาทสูงกว่าราคาจอง 45% ดังนั้นจึงทำให้มีผู้ถือหุ้นได้ขายทำกำไรออกมา จำนวน 3.125 ล้านหุ้น ซึ่งผู้ที่ขายหุ้นได้แก่นายชาตรี ทัตติและคู่สมรส และนายอัครเดช โรจน์เมธารวมถึงคู่สมรส
นอกจากนี้ก็มีหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) (UOBKH) ซึ่งกำหนดราคาจองที่ระดับ 6.20 บาทราคาปิดวันแรกอยู่ที่ระดับ 8.55 บาท จึงทำให้ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นขายหุ้นออกมาจำนวน 1.375 ล้านหุ้น ซึ่งประกอบด้วย นายเตียว กิม เม้ง,นายโล โป เวง,นายวิชาญ วชิรเดชกุล,นายเอเดรียน ริชาร์ด โฮวาร์ด ดันน์
นอกจากนี้ก็มีหุ้นที่ย้ายออกจากกลุ่มรีแฮปโก้ กลับมาซื้อขายในหมวดปกติ เช่น หุ้นบริษัทเพาเวอร์-พี จำกัด(มหาชน)(POWER) ที่ผู้ถือหุ้นได้ขายออกมา ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ มโนสุทธิ ขายหุ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 จำนวน 16.46% หรือ 7.84% โดยขายให้กับนายราชศักดิ์ สุเสวี ทำให้ภายหลังการขายนายณัฐวุฒิ ยังถือหุ้นอยู่จำนวน 51.807 ล้านหุ้นหรือ 24.67%
ขณะเดียวกันนายราชศักดิ์ สุเสวี ก็ได้ขายหุ้นออกมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2548 จำนวน 11.21 ล้านหุ้นหรือ 5.33% โดยเป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ภายหลังการขายนายราชศักดิ์ ยังถือหุ้นอยู่จำนวน 18.58 ล้านหุ้นหรือ 8.85%
แหล่งข่าวจากวาณิชธนกิจ เปิดเผยว่า การที่ภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้หุ้นใหม่หลายบริษัทราคาปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าจอง ดังนั้นจึงทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่หลายบริษัทเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมานั้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ดังนั้นจึงได้เข้าไปซื้อหุ้นเก็บเข้าพอร์ตเอง และยังเป็นการช่วยทำให้ราคาหุ้นมีความผันผวนน้อยลงอีกด้วย
ขณะเดียวกันหุ้นใหม่ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากและสูงกว่าราคาจองนั้น ก็ปราฏว่าผู้บริหารได้เทขายหุ้นออกมา ซึ่งเป็นการขายเพื่อทำกำไร เพราะไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหุ้นโดยรวมว่าเป็นอย่างไรบ้าง
|