Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 ธันวาคม 2548
โรงแรมแห่ปรับตัวรับเอฟทีเอตอบโจทย์ไทยฮับธุรกิจ-การค้า             
 


   
search resources

Tourism
Hotels & Lodgings




กลุ่มโรงแรมย่านสุขุมวิท-ราชประสงค์ ปรับตัวสู้ศึก เน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจ สอดรับนโยบายเปิดเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ด้านปทุมวันปริ๊นเซส ,ไฮแอท เอราวัณ และเวสทิน แกรนด์สุขุมวิทอัดงบ รีโนเวทและเพิ่มโปรดักส์เป็นจุดขายดึงลูกค้าต่างชาติ ขณะที่ความพร้อมศูนย์การค้าเต็มที่ ตอบรับนโยบายรัฐต้องการเป็นศูนย์กลางธุรกิจชอปปิ้งและแฟชั่น ดึงรายได้เข้าประเทศปีหน้า 5 แสนล้านบาท

จากความมุ่งมั่นของรัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่จะผลักดันให้กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางเมืองแฟชั่นในย่านภูมิภาคเอเชีย ซึ่งภาคเอกชนต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และจากการเปิดตัวของ สยามพารากอน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ยิ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร ในความพร้อมที่จะเป็นเมืองแห่งการชอปปิ้งได้สมบูรณ์แบบ ขณะเดียวกัน ความร่วมมือด้านการค้าระหว่างประเทศ ความตกลงในสัญญาเอฟทีเอ หรือเขตการค้าเสรี จะทำให้กรุงเทพเป็นศูนย์กลางของการเจรจาทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2549ไว้ที่ 13.8 ล้านคน มีรายได้เข้าประเทศ 500,000 ล้านบาท โดยในที่นี้จะมีส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาติดต่อธุรกิจ และประชุมสัมมนา ซึ่งมีหน่วยงาน สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เป็นผู้ดูแล โดยปีนี้นำนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาได้ราว 600,000 แสนคน ปีหน้าตั้งเป้าหมายนำชาวต่างชาติเข้ามา 780,000 คน และภายในปี 2551 จะเพิ่มเป็น 1.4 ล้านคน โดยสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 100,000 ล้านบาท

หากมองพื้นที่โดยรวมของแหล่งชอปปิ้งที่สามารถตอบสนองนักท่องเที่ยวและนักชอปได้แบบครบวงจรน่าจะนับเริ่มต้นตั้งแต่บริเวณค้าส่งย่านประตูน้ำ ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวศูนย์การค้าเดอะ แพลทตินั่ม จากพื้นที่ค้าส่งและค้าปลีกรายเดินที่มีอยู่คือ ใบหยก ประตูน้ำเซ็นเตอร์ และอื่นๆ ขณะที่ถัดมาทางราชดำริก็มีกลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ อาทิ เกษรพลาซ่า เซ็นทรัล เวิลด์พลาซ่า, ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า, เมโทรโปลิส และศูนย์การค้าเพนเนซูล่า และ บริเวณถนนพระรามที่ 1 ก็เป็นที่ตั้งของ ศูนย์การค้าสยามสแควร์, เซ็นเตอร์พอยส์, ศูนย์การค้ามาบุญครอง ถัดไปตลอดเส้นทางถนนสุขุมวิท ยังมีแหล่งชอปปิ้งมากมาย ตั้งแต่เพลินจิต ไปถึงเอกมัย เช่น ย่านชอปปิ้งซอยนานา ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯต้องการผลักดันให้เป็น"อารเบียนสตรีท" รองรับนักท่องเที่ยวย่านตะวันออกกลาง ส่วน ห้างดิเอ็ม โพเรียม ก็ถือเป็นแหล่งชอปปิ้ง ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทย

ดังนั้นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในย่านดังกล่าว หลายรายได้ปรับตัว เพื่อให้สอดรับกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อหวังรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ ที่เข้ามาได้เลือกใช้บริการได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ประกอบกับในย่านที่กล่าวมาทั้งหมด มีความสะดวกสบายของระบบการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า บีทีเอส และ รถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเป็นตัวเสริมให้กลุ่มทุนรายใหม่ เข้ามาลงทุน ในธุรกิจที่พักโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เพิ่มมากขึ้น

โรงแรมปรับตัวเพิ่มบริการรับนักธุรกิจ

นาย เจมส์ วิลสัน ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส เปิดเผยว่า จากการปรับตัวของพื้นที่ค้าขายในย่านปทุมวัน-ราชดำริ ซึ่งจะทำให้บริเวณพื้นที่ดังกล่าว เป็นแหล่งธุรกิจ และแหล่งชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้น สิ่งที่โรงแรม ปทุมวัน ปริ๊นเซส เริ่มปรับปรุง คือ การทุ่มเงิน 100 ล้านบาท สำหรับปรับรูปโฉมโรงแรม เริ่มจากฟร้อนท์ ด้านหน้าโรงแรม ดิโอลิมปิค คลับ และ ห้องอาหาร โดยปรับให้เป็นสไตล์โมเดิร์น จากเดิมที่เป็นรูปแบบร่วมสมัย

นอกจากนั้น ยังเตรียมที่จะใช้เงินอีกจำนวนหนึ่งสำหรับรีโนเวท ห้องพัก ในปีหน้า ซึ่งรูปแบบจะเป็นสไตล์โมเดิร์น เช่นเดียวกัน พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับลูกค้านักธุรกิจ โดยเฉพาะการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยเรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจ และคนรุ่นใหม่ ที่เดินทางมาจากประเทศแถบยุโรป เราต้องการเป็นโรงแรมสี่ดาว ที่ดีที่สุดในย่านนี้ สอดรับกับสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งศูนย์การค้า และ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ

ทางด้าน โรงแรม ไฮแอท เอราวัณ ซึ่งในปี 2548 ตลอดทั้งปี ได้รีโนเวท และปรับปรุงพื้นที่ในหลายส่วน เพื่อ ตอบรับลูกค้านักธุรกิจ ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เช่น การเปิดคลับ สำหรับ นักธุรกิจ โดยเปิดตัว i.sawan Residential Spa & Club ทั้งนี้เพราะแนวโน้มนักท่องเที่ยว กลุ่มมี่เป็นนักธุรกิจเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนหนึ่งนิยมที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกับการติดต่อธุรกิจ โดยมีสั่งงานผ่านอี-เมล์และอินเทอร์เน็ต

ล่าสุดในส่วนของโรงแรม เวสทิน ซึ่งมักจะมีโปรดักส์ ที่อำนวยความสะดวก และความสบายให้แก่ผู้เข้าพัก เช่น การรับรองลูกค้าด้วยที่นอน และหมอน ที่ทำจากขนเป็ด ซึ่งให้ความนุ่มสบายขณะนอน ล่าสุด มีการวิจัยพบว่า นักธุรกิจส่วนหนึ่งที่เดินทางติดต่องาน ให้ความสำคัญกับการเลือกโรงแรมที่พัก ที่มีบริการเรื่องเครื่องออกกำลังกาย เพราะมักจะใช้เวลาว่างที่เป็นส่วนตัวในการออกกำลังกาย ดังนั้น เวสทิน จึงร่วมกับผู้ผลิตรองเท้ากีฬา รีบอด ออกโปรแกรม "เวสทิน เวิร์คเอ้าท์ เพาเวอร์ บาย รีบอค" พร้อมจัดตกแต่งห้องพัก ให้มีพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับออกกำลังกาย โดยนำเครื่องออกกำลังกาย เข้าไปจัดวาง ถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่าง ให้เป็นจุดขาย และจุดเลือกของลูกค้า เมื่อเทียบกับโรงแรมในย่านเดียวกัน ซึ่งโปรแกรมนี้ โรแงรมเวสทินทั่วโลกก็ได้จัดทำเช่นกัน โดยถือปฏิบัติ เป็นนโยบาย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us