|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
-กรุงไทยคาร์เรนท์ดันบริษัทเข้าตลาดระดมทุนพันล้านเพิ่มพอร์ตรถเช่าอีก20%
-พร้อมหวังใช้ชื่อมหาชนสร้างความมั่นใจ ปั้นแบรนด์สู้รถเช่าจากต่างประเทศ
-มั่นใจแบรนด์กรุงไทยคาร์เรนท์ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรที่เน้นบริการมากกว่าค่าเช่าถูก
ช่วงเวลาที่บริษัทรถยนต์ต่างๆ กำลังเร่งปั๊มยอดขายกันยกใหญ่ ธุรกิจให้เช่ารถยนต์ก็เร่งขยายตัวเองเพื่อรองรับปริมาณการใช้รถที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรถเช่าก็ต้องแข่งขันกันเอง เพื่อช่วงชิงตลาดรถเช้าที่มากกว่า 15,000 คันต่อปี โดยเฉพาะรถเช่าประเภทองค์กรซึ่งมีแนวโน้มว่าทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนต่างเริ่มหันมาใช้บริการรถเช่าแทนการเช่าซื้อ
ในตลาดรถเช่าระดับองค์กรนั้น กรุงไทย คาร์เร้นท์ เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับต้นๆ โดยมีรถที่ให้บริการอยู่ทั้งสิ้นราว 3,000 คัน พิเทพ จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เรนท์ แอนด์ลิส จำกัด(มหาชน) บอกว่า การเช่ารถในระดับองค์กรเป็นแนวโน้มที่มีการเติบโตมากขึ้น เพราะบริษัทเอกชน รวมถึงหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เริ่มเปลี่ยนจากการเช่าซื้อ มาเป็นการเช่ารถเพื่อใช้งาน ซึ่งเป็นการช่วยลดต้นทุนในการให้บริการได้ทางหนึ่ง
จุดเด่นของกรุงไทยคาร์เรนท์ไม่ได้อยู่ที่ปริมาณรถที่มีมากกว่า เพราะรถสำหรับเช่าส่วนใหญ่ก็มีเหมือนๆ กันไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่ง รถปิกอัพ หรือรถตู้ แต่สิ่งที่กรุงไทยคาร์เรนท์แตกต่างคือ การให้บริการ ซึ่งในที่นี้หมายถึงบริการที่รวดเร็ว และเรื่องของรถสำรองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
“รถเช่าหลายๆ ที่เมื่อรถลูกค้าเกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่จะมีปัญหาการหารถทดแทนที่ล่าช้า หรือไม่ก็มีรถทดแทนคนละรุ่นกับที่ลูกค้าเช่า แต่ด้วยจำนวนรถที่มากกว่ากรุงไทยสามารถจัดหารถรุ่นเดียวกันกับที่ลูกค้าเช่า เพื่อใช้งานต่อเนื่องได้ทันที แม้ว่าราคาค่าเช่าของเราจะสูงกว่าแต่ที่ผ่านมาลูกค้าจะพอใจกับการให้บริการมากกว่า ค่าเช่าที่ถูกเพียงอย่างเดียว” พิเทพกล่าว
เป้าหมายของกรุงไทยคาร์เรนท์หลังจากเริ่มดำเนินธรุกิจมากว่า 20 ปีจนถึงวันนี้คือ การเริ่มสร้างแบรนด์ให้ตลาดทั้งในและต่างประเทศให้รู้จักมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนของบริษัทรถเช่าของคนไทย พิเทพ บอกว่า การเริ่มจากตลาดรถเช่าองค์กรจะเป็นหนทางที่ก้าวสู่การเช่ารถสำหรับลูกค้ารายย่อยในอนาคต เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งแบรนด์กรุงไทยคาร์เรนท์เป็นที่รู้จักมากขึ้น การขยายสู่ตลาดรายย่อยก็ง่ายขึ้น
ลูกค้าเช่ารถรายย่อยในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นตลาดของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ถ้าให้ลูกค้าต่างประเทศเลือกระหว่างแบรนด์กรุงไทยคาร์เรนท์ กับแบรนด์จากต่างประเทศอาทิ เอวิส หรือบัดเจต พิเทพ กล่าวว่า ลูกค้าต่างประเทศย่อมเลือกแบรนด์จากต่างประเทศที่คุ้นเคยมากกว่า แต่ถ้าเราสามารถสร้างแบรนด์จนเป็นที่รู้จักในระดับสากลได้ การแข่งขันกับแบรนด์เหล่านี้ก็ไม่ใช้เรื่องยาก
ส่วนการแข่งขันในตลาดทั่วไปนั้น กรุงไทยคาร์เรนท์มองว่ายังไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากปัจจุบันมีคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดเพียงไม่กี่ราย โดยเฉพาะการเช่ารถยนต์ระยะยาว และคู่แข่งส่วนใหญ่ไม่มีการตัดราคากันมากนัก เนื่องจากต้นทุนในธุรกิจนี้มีสูง ผู้ที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจนี้ จำเป็นต้องมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งต้องมีโนวฮาวที่ดี
โดยกรุงไทยคาร์เรนท์นั้นมีแผนจะเพิ่มปริมาณรถเช่าอีกราวๆ 800-1,000 คัน ด้วยงบประมาณร่วมๆ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ทรถเช่าที่มีอยู่รองรับกับปริมาณลูกค้าในปี 2549 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 20% โดยเงินทุนจะมากจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่บริษัทได้นำหุ้นเข้าไปขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
พิเทพ กล่าวว่าจุดดีของการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์นอกเหนือขากการระดมทุน เพื่อทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจต่ำลง แล้วยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้คนได้รู้จักบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่จะไม่รู้จักการดำเนินงานของบริษัท การเข้าตลาดครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และสร้างให้คนรู้จักบริษัทมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้กรุงไทยคาร์เรนท์ ยังมีบริษัท กรุงไทยออโตโมบิล เป็นบริษัทลูกและดำเนินธุรกิจเป็นดีลเลอร์ของบริษัทรถยนต์ ซึ่งล่าสุดมีการตั้งบริษัทในเครือชื่อ โตโยต้ากรุงไทย ยูสคาร์ เพื่อทำธุรกิจขายรถมือสอง และจะเป็นช่องทางสำคัญในการระบายรถเช่าที่หมดอายุสัญญาจากลูกค้า เพื่อจำหน่ายเป็นรถมือสอง เรียกได้ว่ากรุงไทยคาร์เรนท์ทำธุรกิจรถเช่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
“เรามีบริษัทในเครือที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มีศูนย์บริการรถยนต์แบบครบวงจร พร้อมศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสี และยังมีบริษัทขายรถยนต์มือสอง ที่สามารถทำราคาขายต่อได้ดี ทำให้รถยนต์ในเครือของเราหมุนเวียนได้อย่างคล่องตัว และสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจรด้วย” พิเทพกล่าว
|
|
|
|
|