ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนหน้าปัดวิทยุดูจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับสื่อวิทยุในยุคนี้
ไม่ว่าจะเป็นการล้มหายตายจากของคลื่นข่าว 24 ชั่วโมงที่มีเหลืออยู่ไม่กี่คลื่น
และกลายมาเป็นคลื่นลูกผสมที่มีเพลงฝรั่งและข่าว หรือแม้แต่หน้าเก่าในวงการวิทยุถูกแทนที่ด้วยหน้าใหม่นอกวงการแต่เงินหนา
ปรากฏการณ์ที่ว่านี้ยังรวมไปถึงคลื่นคลาสสิก 95 FM ขององค์การสื่อสารมวลชนฯ
(อ.ส.ม.ท.) ที่คุ้นหูคอเพลงคลาสสิกมาเป็นเวลานานสิบกว่าปี ก็ต้องถูกเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่กลายเป็นคลื่นลูกผสมตามแบบฉบับนิยม
ผสมผสานระหว่างเพลงคลาสสิก เพลงสากล-ไทย และข่าว
เดิมที อ.ส.ม.ท. ต้องการอนุรักษ์คลื่นนี้ไว้เป็นคลื่นเพลงคลาสสิก 24 ชั่วโมง
เพราะคลื่นเพลงส่วนใหญ่จะไม่มีแนวเพลงในลักษณะนี้เลย ส่วนใหญ่หากไม่เป็นเลงไทยวัยรุ่นที่เหมือนกันแทบทุกช่องก็เป็นเพลงสากล
จะหาแนวเพลงคลาสสิกแบบดั้งเดิม เช่น โมสาร์ท บีโธเฟ่น ฯลฯ แทบไม่มีเลย แต่ในที่สุดเจตนารมณ์ของ
อ.ส.ม.ท. ก็ต้องสิ้นสุดลงตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของคลื่นวิทยุ
อย่างที่รู้ๆ ว่ากลุ่มคนฟังที่นี่ชื่นชอบเพลงคลาสสิกมีอยู่ในวงจำกัด เมื่อคนฟังน้อยโฆษณาก็หาลำบาก
แม้ว่า อ.ส.ม.ท. จะมอบหมายให้เอกชนรับเหมาไปทำการตลาดและโฆษณาให้ก็ตาม แต่ใช่ว่าจะหาโฆษณาได้มากขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา
อ.ส.ม.ท. จึงไม่สามารถหวังรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากคลื่น 95 นี้ได้เลย
เพียงแต่ประคับประคองให้พออยู่ได้เท่านั้น
เหตุผลที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ อย่างที่รู้ว่าคลื่นวิทยุ FM นั้นมีจำกัดอยู่แค่
40 กว่าคลื่น แต่ความต้องการของผู้ประกอบการมีมากกว่านั้น ดังจะเห็นได้จากอัตราค่าเช่าเวลาจากไม่กี่แสนบาทถูกปั่นขึ้นไปถึง
15-25 ล้านบาทต่อสถานีในปัจจุบัน ตกเฉลี่ยชั่วโมงละ 4-5 แสนบาทซึ่งสามารถสะท้อนภาพของธุรกิจวิทยุในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับ อ.ส.ม.ท.นั้นคลื่นวิทยุที่อยู่ภายใต้การครอบครองมีทั้งหมด 6 คลื่นซึ่งได้ให้เอกชนเหมาเวลาไปดำเนินการ
4 คลื่นและกว่าจะหมดสัญญาก็ปลายปี 2541 ส่วนที่เหลืออีก 2 คลื่น คือ คลื่น
100.5 ซึ่งเป็นคลื่นข่าวที่ อ.ส.ม.ท.เป็นผู้ดำเนินการเอง จะมีก็แต่คลื่น
95 เท่านั้น อ.ส.ม.ท. จัดรายการเองแต่ให้เอกชนขายโฆษณาให้ ซึ่งสัญญาที่ทำไว้กับสยามทีวีแอนด์
คอมมิวนิเคชั่นได้หมดลงในเดือนกุมภาพันธ์
ด้วยเหตุนี้คลื่น 95 จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องนำมาปฏิวัติเสียใหม่ ด้วยการเปิดทางให้เอกชนเข้ามาเช่าเวลาไปดำเนินรายการเพื่อแลกกับประโยชน์ตอบแทนจำนวนมากขึ้น
แต่มีเงื่อนไขว่า อ.ส.ม.ท. จะต้องเป็นผู้กำหนดผังรายการ ซึ่งกำหนดให้มีเพลงคลาสสิกเหลืออยู่
8 ชั่วโมง
"เป็นวิธีการใหม่ของการให้เอกชนมาเช่าเวลา คือ อ.ส.ม.ท จะเป็นผู้กำหนดรูปแบบรายการ
ไม่ได้ให้เอกชนเหมาเวลาและนำไปจัดรายการเองเช่นที่ผ่านมา" อรสา คุณวัฒน์
ผู้อำนวยการ อ.ส.ม.ท. เปิดเผย
แน่นอนว่า ในภาวะที่คลื่นวิทยุกลายเป็นสมรภูมิที่ร้อนแรง เอกชนที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาจึงมีนับสิบรายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่
แต่ที่เหลืออยู่ในข่ายการตัดสินใจขั้นสุดท้ายมีเพียง 3-4 ราย คือ สยามเรดิโอ,
มีเดียพลัส, ทราฟฟิกคอร์นเนอร์
ปรากฎว่า บริษัท ทราฟฟิกคอนเนอร์ ม้ามืดกลับคว้าคลื่นไปครอง แลกกับเงินที่ต้องจ่ายให้กับ
อ.ส.ม.ท. จำนวน 2.5 ล้านบาทสำหรับเริ่ม และจะต้องจัดหาเทปซีดีที่มีคุณภาพให้กับ
อ.ส.ม.ท.ในวงเงิน 1 ล้านบาท รวม 3.5 ล้านบาท และทุกเดือนจะต้องจ่ายอีก 1.9
ล้านบาท และจะต้องเพิ่มอีก 10% ตลอด 3 ปี
รูปแบบรายการที่บริษัททราฟฟิกคอร์นเนอร์เสนอจะเป็นลักษณะของคลื่นเพลงแบบลูกผสม
คือมีเพลงสากลและไทยเบา ๆ ผสมกับข่าวสารในช่วงเช้า และเพลงคลาสสิก 8 ชั่วโมง
"คนฟังก็จะได้ฟังเพลงคลาสสิก และมีเพลงเบา ๆ ขณะเดียวกันก็มีข่าวไปด้วย
วิธีนี้เราเชื่อว่าได้ทั้งคุณภาพรายการและได้ทั้งเงินและกล่องไม่ใช่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง"
อรสา ชี้แจงถึงสาเหตุที่เลือก
ด้วยเหตุนี้ทราฟฟิกคอร์เนอร์จึงกลายเป็นหน้าใหม่บนหน้าปัดวิทยุอีกรายที่เข้ามาสู่กระแสเชี่ยวกรากของการแข่งขันธุรกิจ
จะว่าไปแล้วทราฟฟิกคอร์นเนอร์นี้ไม่ใช่หน้าใหม่ในแวดวง "สื่อ"
และสำหรับช่อง 9 เลย เพราะทราฟฟิกคอร์นเนอร์นั้นก็เติบโตมาจากการเป็น "มีเดีย
เอเจนซี" คลุกคลีกับแวดวงสื่อโฆษณามาหลายปีแล้ว โดยเป็นทั้งผู้จัดและถ่ายทอดรายการโทรทัศน์จากในและต่างประเทศ
เช่น การแข่งขันอเมริกันฟุตบอล เปิดโลกมังกร และโลกการ์ตูน ตลอดจนการ์ตูนอุลต้าแมนเอ
ทางช่อง 9 ฟุตบอลอิตาลีทางช่อง 9 ซึ่งเวลาที่ได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของช่อง
9 อ.ส.ม.ท.
นอกจากนี้ยังมีการร่วมทุนกับบริษัทเทโร เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จัดตั้งบริษัทเทโรทราฟฟิกคอร์นเนอร์
ถ่ายทอดสดกีฬา และรายการบันเทิง รวมทั้งเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์และวิทยุ
ในนามบริษัทพับลิก บรอดคาสติ้ง เช่น รายการโลกการ์ตูน
ลึกลงไปกว่านั้นในช่วงปลายปีที่แล้ว ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ยังได้สหมงคลฟิล์ม
ของสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ เจ้าของฉายา"เสี่ยเจียง" คนดังของแวดวงธุรกิจบันเทิงเข้ามาถือหุ้นจำนวน
30%
การได้คลื่น FM 95 มาไว้ในมือ จึงเป็นการต่อ "จิ๊กซอว์" ทางธุรกิจของทั้งทราฟฟิกคอร์นเนอร์
และเสี่ยเจียง
สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งทราฟฟิกคอร์นเนอร์
กล่าวว่า หลังจากเข้าสู่สื่อทีวีได้แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องมองหาสื่ออื่น ๆ
เพื่อให้ครบวงจรมากที่สุด ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบธุรกิจวิทยุในเวลานี้จะต้องเป็นผู้ที่มีสื่ออื่น
ๆ อยู่เพื่อเสริมซึ่งกันและกัน เพราะการทำธุรกิจวิทยุแต่เพียงอย่างเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
เช่นเดียวกับ "เสี่ยเจียง" ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวกับธุรกิจบันเทิงมานาน
และก็มาถึงคราวที่เสียเจียงจะต้อง "บุก" อีกครั้ง เมื่อธุรกิจบันเทิงไม่สามารถอยู่ลำพังได้อีกต่อไป
ปัจจุบันสหมงคลฟิล์มไม่ได้มีเพียงแต่โรงภาพยนตร์ หรือเป็นผู้ซื้อลิขสิทธ์หนังจากต่างประเทศ
และผลิตภาพยนต์ไทยเท่านั้น
ไม่เพียงแค่ซื้อหุ้นในไรท์พิกเจอร์ทำธุรกิจให้เช่า วีดีโอ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจนำเข้าหนังให้มากที่สุด
หรือ แม้แต่การร่วมหุ้นกับกลุ่มยูคอม โกลเด้น ฮาเวสท์ กลุ่มเซ็นทรัลและออนป้าในการทำโรงหนังมัลติเพล็กซ์
แต่เสี่ยเจียงยังมองไปถึงสื่ออื่น ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจหนังของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้นในทราฟฟิกคอร์นเนอร์ ที่มีเป้าหมายในการเข้าสู่ธุรกิจทีวีและขยับขยายมายังธุรกิจทีวี
และขยับมายังธุรกิจวิทยุในคลื่น 95
"แกนใหญ่ของเราก็คือ โรงหนังกับภาพยนต์ หลังจากนั้นจะเข้าไปในทีวี
คือเมื่อเราทำหนังก็ต้องมีทีวีเพื่อประโยชน์ในเรื่องของโฆษณาและเมื่อเราจะทำค่ายเทปเพลงเราก็ต้องมีวิทยุไว้รองรับ"
สมศักดิ์ หรือเสี่ยเจียงชี้แจง
โกลด์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คือค่ายเทปเพลงในสังกัดสหมงคลฟิล์ม ที่จะเริ่มเดินเครื่องเดือนพฤษภาคม
ซึ่งมีแนวเพลงเดียวกับแกรมมี่ และอาร์เอสเท่านั้น และแน่นอนว่าค่ายเพลงกับคลื่นวิทยุย่อมหนีกันไม่พ้น
คลื่น FM95 จึงเป็นจุดรวมของการเปลี่ยนแปลงและพลิกผันของทั้ง อ.ส.ท.ม.
และเอกชนอย่างแท้จริง!