|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โหรหุ้นคาดตลาดปี49 ความผันหวนสูงผนวกกำไร บจ. เริ่มชะลอตัว หลังจาก2-3 ปีก่อนอัตราการเติบโตสูงมาก บางรายกำไรขยายตัวถึง 100% เหมือนมนต์เสน่ห์ดึงใจนักลงทุน ถือเป็นยุคทองของการกอบโกยผลตอบแทน แต่โชติช่วงชัชวาลในยุคนั้นได้หมดไป มนต์เสน่ห์ที่เคยร่ายมาเริ่มเสื่อม การลงทุนในตลาดหุ้นอาจทำได้ไม่สวยงามอย่างที่หวัง แม้จะมีเงื่อนไขที่ดีอย่างพี/อีเป็นตัวหนุนก็ตาม
นิเวศน์ เหมวชิวรากร ผู้เชี่ยวชาญวิชาการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เล่าให้ฟังถึงปัจจัยที่สร้างมนต์เสน่ห์ให้กับตลาดหุ้น คือ ปัจจัยของตลาดและกำไรของบริษัทจดทะเบียน
ซึ่งในส่วนของปัจจัยตลาดนั้นดูจากพี/อี ของตลาดหุ้นว่าถูกหรือแพง นิเวศน์ บอกว่า สำหรับตลาดหุ้นค่าพี/อีปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8.8 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ไม่ถูกและแพงเกินไป ซึ่งถ้าย้อนหลังกลับไปเทียบกับตลาดในช่วง20-30ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดเกิดใหม่ ค่าพี/อี โดยเฉลี่ย ณ ช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 8.7เท่า หรือแม้แต่ยุคทองตลาดหุ้นในช่วงปี 2531-2541 ค่าพี/อี โดยเฉลี่ยก็อยู่ที่ประมาณ 10 เท่า
"จากค่าพี/อีตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แทบหาความเปลี่ยนแปลงไม่ได้นั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นยังเท่าเดิม และสรุปได้ว่าพี/อีตลาดในตอนนี้ก็อยู่ในระดับกลาง จะให้มองว่าตลาดหุ้นไทยดีอยู่ก็เป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะดูแล้วพี/อีจะสูงขึ้นไป 10 เท่าก็ยากสถานการณ์ยังไม่เอื้อ ขณะเดียวกันก็คงไม่แย่ลงไปกว่านี้"
ดังนั้นการลงทุนที่หวังว่าตลาดจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องยากพอควร
นิเวศน์ กล่าวถึงอีกปัจจัยที่สร้างความน่าสนใจให้ตลาดหุ้นคือ กำไร บจ. แต่ในวันนี้ ปัจจัยเรื่องกำไร บจ. อาจไม่สามารถดึงดูดใจนักลงทุนได้เหมือนที่ผ่านมา ที่ บจ.เคยสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนถึง 20% ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนนักลงทุนสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก ในวันนี้ กำไร บจ.เริ่มชะลอตัว และคาดว่าปีหน้าอาจไม่เห็นอัตราการเติบโตของกำไรอีก
ในสภาพของตลาดที่นิ่งค่าพี/อีอาจไม่ขยับขึ้นไปอีก กำไร บจ.ที่ชะลอตัวลง ปัจจัยที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้การลงทุนในหุ้นต้องเลือกให้ดี อาจมีบางกลุ่มที่ยังสร้างผลตอบแทนได้บ้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ
นิเวศน์ แนะอีกว่า กระนั้นก็ตามถ้าจะลงทุนควรพิจารณาราคาของหุ้นว่าแพงเกินไปหรือไม่ และไม่ควรเล่นหุ้นตามตลาด
อนุสรร์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบีที บอกว่า ถ้าจะต้องเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนั้น สิ่งสำคัญควรดูที่ศักยภาพ เพราะในภาวะที่ความเสี่ยงจากการลงทุนมีมากขึ้นยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย นั้นคือหุ้นกุล่มพลังงาน และในปีหน้ายังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายในสายตานักลงทุน
อีกกลุ่มที่มองว่าดีคือ ธนาคารที่จะได้รับผลดีจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะแบงก์รายใหญ่ในฐานะเจ้าหนี้ผู้ปล่อยกู้ให้กับโครงการขนาดใหญ่ บวกกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ของธนาคาร ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น
ในภาพรวมโหรหุ้นต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าตลาดหุ้นปี 2549 มีความเสี่ยงและผัวผวนมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ ที่ทำให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนทำได้ง่ายขึ้น และทุนดังกล่าวจะย้ายจากแหล่งหนึ่งไปยังอีกแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนสูง
ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นต่อจากนี้ไปเหมือนการวิ่งต้านลม เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างทำให้ลงทุนได้ยากขึ้นเช่นกำไรที่ชะลอตัว และสภาพของตลาดที่นิ่ง ล้วนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลงทุนหุ้นปีหน้าอย่าหวังอะไรมาก
|
|
|
|
|