นักลงทุนเทขายทำกำไรกดดัชนีทรุด 2.29 จุด หลังดีดแรง 2 วันเกือบ 40 จุด แม้เงินนอกไหลเข้าซื้อต่ออีก 3.8 พันล้านบาท หุ้นทีพีไอคึกสวนทางตลาดเก็งฟังผลศาลฯ ชี้ขาดชะลอขายหุ้นหรือไม่ "พัฒนสิน-ทีเอสอีซี" แนะจับตาประเด็นวิพากษ์ของ "สนธิ-เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" วันนี้ ชี้มีผลต่อจิตวิทยาลงทุน ด้านผู้บริหารแผนฯ เผยลูกหุ้นทีพีไอ 3.9 พันล้านหุ้นของรายย่อยเทรด 19 ธ.ค. ชี้เจ้าหนี้แห่จองทีพีไอล้น 4 พันล้านหุ้น เพราะเห็นอนาคต ทีพีไอแกร่ง ยันใช้วิธีเกลี่ยหุ้นให้เจ้าหนี้ยันไม่แรนดอม "ประชัย" อัดเจ้าหนี้งัดหุ้น TPIPL ออกมาขาย 10-20 ล้านหุ้น ทำราคา TPIPL ดิ่ง โต้ข่าวเทขายหุ้น TPIPL ชำระค่าหุ้นทีพีไอไม่เป็นความจริง
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (8 ธ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงตลอดวันและกลับมาปิดตลาดที่ 692.58 จุด ลดลง 2.29 จุด หรือลดลง 0.33% มูลค่าการซื้อขาย 18,982.67 ล้านบาท จากแรงขายทำกำไรหลังดัชนีปรับตัวแรงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศยังซื้อต่อเนื่อง โดยซื้อสุทธิ 3,833.21 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,962.46 ล้านบาทและนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,870.46 ล้านบาท
หุ้น บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ราคาเคลื่อนไหวคึกคักสวนทิศทางตลาดโดยรวมตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนปิดที่ 7.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.80% มูลค่าการซื้อขาย 1,556.36 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการเข้ามาเก็งกำไรรอฟังผลการชี้ขาดของศาลล้มละลายกลางกรณีที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ร้องขอให้ระงับการขายหุ้น
นางสาวอรุณรัตน์ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทีเอสอีซี จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 ธ.ค.) ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีการเทขายทำกำไร ซึ่งกระจายเกือบทุกหมวดจากที่ 2 วันที่ผ่านมาดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามคาด เนื่องจากดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 วัน ซึ่งขึ้นจาก 660 จุด เป็น 690 จุด และเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้มีการปรับตัวลดลงจากที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเพิ่มทุนทั้งกลุ่ม
ส่วนหุ้นใหญ่ก็ปรับตัวลง เช่น สื่อสาร และก่อสร้างก็ลง เช่น บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) และบมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL)
ทั้งนี้ การที่หุ้นTPI ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเพื่อรอข่าว เพราะศาลล้มละลายกลางจะมีการพิจารณาคำร้องของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เรื่องการระงับการขายหุ้นเพิ่มทุน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าจะมีการปรับฐานจากการที่จะหยุดติดต่อกัน 3 วัน และนายสนธิ ลิ้มทองกุล จะยังคงมีการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ซึ่งจะต้องติดตามว่าจะมีประเด็นข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือไม่
ทำกำไรหลังดัชนีฟื้น 40 จุด
นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ บล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า การที่ภาวะตลาดหุ้นปรับตัวลดลงจากนักลงทุนมีการเทขายทำกำไรจากที่ 2 วัน ดัชนีฯ ขึ้นมาเกือบ 40 จุด ส่วนเรื่องการเพิ่มทุนของกลุ่มแบงก์มองว่าไม่น่าส่งผลมาก เพราะหุ้นกสิกรไทยก็มีการปิดบวก และกรุงเทพก็มีการปิดลบ เพียง 1 บาท โดยช่วงตอนเย็น กรรมการผู้จัดการของธนาคารทหารไทย ได้มีการออกมาปฏิเสธข่าวการเพิ่มทุน
สำหรับประเด็นที่ติดตามคือ เรื่อง TPI ที่ศาลฯ จะมีการตัดสินคำร้องของประชัย เรื่องระงับขายหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งหากไม่มีการระงับก็จะดำเนินงานตามแผนต่อไป แต่ก็จะต้องติดตามวันที่ 19 ธ.ค. ที่หุ้นเพิ่มทุนจะเข้าจดทะเบียน ซึ่งอาจะมีแรงเทขายออกมาบ้าง และการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรต่อก็จะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยการลงทุนบ้าง
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงปลายสัปดาห์ที่จะหยุด 3 วัน แต่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเชื่อว่าจะแตะที่ 700 จุด ได้มองแนวรับที่ 885-888 จุด แนวต้านที่ 694 จุด
คาดวอลุ่มเฉลี่ย 1.6 หมื่นล./วัน
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน โดยในปีนี้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาทต่อวัน เนื่องจากปัจจัยลบในปีนี้มีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาราคาน้ำมันที่เริ่มจะคลี่คลายไปบ้างแล้ว รวมถึงเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่พื้นตัว ทั้งนี้โครงการที่จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการลงทุนนักลงทุนยังจับตาการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส1/49 น่าจะอยู่ในทิศทางที่เติบโต บนพื้นฐานว่าไม่มีเหตุการณ์หรือปัจจัยลบใดๆ เข้ามากระทบ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ หลายเรื่อง
ทั้งนี้ หากอัตราการเติบโตของจีดีพีในประเทศปี 48 โตในระดับ 4.5% มีความเป็นไปได้ว่าในปี 49 จีดีพีจะเติบโตในระดับ 4.7-4.9% หรือมากกว่า เนื่องจากการขยายงานของภาคเอกชน รวมถึงงานของภาครัฐในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจะมีความชัดเจนขึ้น
เจ้าหนี้ซื้ออนาคตทีพีไอ
แหล่งข่าวจากคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยและผู้ถือหุ้นเดิมได้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอมาจำนวนกว่า 4,000 ล้านหุ้น เกินกว่าจำนวนที่จัดสรรไว้ 3,900 ล้านหุ้น ซึ่งมีรายย่อยบางรายที่ไม่ได้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นก็จะดำเนินการเกลี่ยหุ้นให้กับผู้ที่จองซื้อเกินเอาไว้ โดยไม่ใช้วิธีสุ่มเลือก (แรนดอม)
ทั้งนี้ ลูกหุ้น 3,900 ล้านหุ้น จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
ส่วนการจองซื้อหุ้นของเจ้าหนี้ทีพีไอพบว่าใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสูงถึง 4,000 กว่าล้านหุ้น เกินกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวน 1,650 ล้านหุ้น ซึ่งการจัดสรรหุ้นนั้นจะเป็นไปตามสิทธิที่เจ้าหนี้แต่ละรายได้รับ โดยไม่มีการใช้วิธีแรนดอม สาเหตุที่เจ้าหนี้สนใจซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอจำนวนมาก แม้ว่าหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะมีเงื่อนไข ห้ามซื้อขาย (ไซเลนต์พีเรียด) เป็นเวลา 2 ปี เหมือนกับพันธมิตรร่วมทุนก็ตาม เนื่องจากหลังปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างผู้ถือหุ้นแล้ว ทีพีไอจะเป็นบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งด้านธุรกิจ ขณะที่ภาระหนี้สินจะลดลง 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนำเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนที่ขายให้พันธมิตรและรายย่อยจำนวน 1,450 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมกับเงินขายหุ้นทีพีไอโพลีน 250 ล้านเหรียญ และเงินสดในบัญชีอีก 250 ล้านเหรียญ
ซึ่งหลังจากพันธมิตรร่วมทุน ได้แก่ ปตท. กบข. ออมสิน กองทุนวายุภักษ์ ชำระค่าหุ้นทีพีไอในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ พร้อมกับผู้ถือหุ้นรายย่อยและเจ้าหนี้ ทางผู้บริหารแผนฯ ก็จะดำเนินเรื่องการจัดสรรหุ้นให้พนักงาน (ESOP) จำนวน 975 ล้านหุ้น โดยจะออกวอร์แรนต์ให้ฟรี และกำหนดราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นทีพีไอ 2.88 บาท/หุ้น กำหนดการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์เป็นหุ้นสามัญในปีที่ 3-5 รวมทั้งพิจารณารายละเอียดและเงื่อนไขการยื่นออกจากการฟื้นฟูฯต่อศาลล้มละลายกลาง โดยคาดว่าจะออกจากกระบวนการฟื้นฟูฯ ใน ม.ค.-ก.พ. 2549
วันนี้ (9 ธ.ค.) ศาลล้มละลายกลางซึ่งนัดฟังคำสั่งคำร้องของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้ทีพีไอที่ยื่นขอให้ศาลคุ้มครองโดยระงับการขายหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอชั่วคราว หลังจากก่อนหน้านี้ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องของนายประชัย ในฐานะผู้บริหารลูกหนี้และผู้ค้ำประกันหนี้ที่จะขอใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอก่อนพันธมิตรรายอื่น รวมทั้งศาลนัดฟังคำสั่งคำร้องของผู้บริหารลูกหนี้ที่ให้ผู้บริหารแผนฯกำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอให้ได้ราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย จากเดิมที่กำหนดเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท โดยศาลฯ นัดฟังคำสั่งในวันที่ 15 ธ.ค. นี้
จวกเจ้าหนี้เทขาย TPIPL รูดหนัก
ขณะเดียวกัน หุ้น บมจ.ทีพีไอโพลีน (TPIPL) ราคาปรับตัวสวนทางตลาดโดยรวมในช่วงเช้า โดยราคาเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ 24.60 บาท ก่อนถูกแรงเทขายออกมาและปิดที่ 22.70 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ 4.62% มูลค่าการซื้อขาย 366.60 ล้านบาท
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอโพลีนจำกัด (มหาชน) (TPIPL) กล่าวว่า ราคาหุ้น TPIPL ที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก เป็นผลจากการเทขายหุ้นของเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิซื้อหุ้น TPIPL 249 ล้านหุ้น ที่ทีพีไอถืออยู่ เพื่อหักหนี้จำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเจ้าหนี้ได้บันทึกเป็นหนี้สูญ ดังนั้นการขายหุ้น TPIPL ออกไปจึงสามารถบันทึกเป็นกำไรในบัญชีในงวดปีนี้ทันที
"ราคาหุ้น TPIPL ที่ลดลงอย่างมากเป็นผลจากเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิซื้อหุ้น TPIPL ทุบขายออกมา 10-20 ล้านหุ้น เพราะเจ้าหนี้บันทึกเป็นหนี้สูญ เมื่อขายได้ราคาหุ้นมากน้อยแค่ไหน ก็บันทึกเป็นกำไร ส่วนที่มีข่าวว่าผมขายหุ้น TPIPL เพื่อชำระค่าหุ้น TPI นั้นไม่เป็นความจริง ผมจะขายไปทำไม ไม่เกี่ยวกัน"
นายประชัยกล่าวถึงผลการจองซื้อหุ้น TPI ที่เจ้าหนี้ใช้สิทธิจองซื้อเกินจำนวนหุ้นที่ได้รับจัดสรรมากกว่าเท่าตัวว่า ราคาหุ้น TPI ที่ผู้บริหารแผนฯ เสนอขายในราคาหุ้นละ 3.30 บาท ถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับราคามูลค่าตามบัญชี (บุคแวลู) ที่ 7 บาท ทำให้เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นรายย่อยแย่งจองซื้อจนเกินเพดานที่ได้รับจัดสรร
|