"โตโยต้า" ได้ฤกษ์สร้างโรงงานแห่งที่ 3 ในไทย หลังจากประกาศลงทุนไปเป็นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตปิกอัพวีโก้ และรถเอสยูวีฟอร์จูนเนอร์ ภายใต้โครงการ IMV มีกำลังการผลิตปีละ 1 แสนคัน ส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วน หรือซัปพลายเออร์ ต้องลงทุนรวมกันไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ตามยอดสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิต ขณะที่บริษัทแม่มั่นใจไทยจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของโตโยต้าทั่วโลก

นายทาเคชิ อูชิยามาดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น (TMC) เปิดเผยในการเดินทางมาร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานแห่งที่ 3 บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) ว่า ประเทศไทยมีความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก นี่จึงเป็นสาเหตุให้โตโยต้าตัดสินใจในการขยายการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่นี้ เป็นมูลค่าถึง 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อผลิตปิกอัพป้อนตลาดในประเทศและส่งออก

"โตโยต้าทุกแห่งทั่วโลก ต้องการส่งออกรถยนต์จากประเทศตัวเองเหมือนกันหมด ซึ่งโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ต้องแข่งขันกับที่อื่นๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องพัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพ ทั้งนี้จากที่เห็นก็เชื่อว่าจะทำได้ และเมื่อไม่นานโตโยต้าเพิ่งเปิดศูนย์พัฒนาและวิจัย หรือ R&D ในประเทศไทย ตรงนี้จะทำให้โตโยต้าในไทยมีความพร้อมในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองตรงกับความต้องการของลูกค้า มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ และจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ของทีเอ็มซี"

นายเรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) เปิดเผยว่า โรงงานแห่งใหม่ที่บ้านโพธิ์ เป็นโรงงานแห่งที่ 3 ของโตโยต้าในไทย ซึ่งได้ประกาศแผนการลงทุนไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เพื่อผลิตปิกอัพและรถอเนกประสงค์เอสยูวีในโครงการ IMV (ไฮลักซ์ วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์) มีกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี มูลค่าการลงทุนทุน 15,000 ล้านบาท

"เงินลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนของการก่อสร้าง และค่าเครื่องจักรของโตโยต้า แต่จะมีการลงทุนต่อเนื่องตามมาในส่วนของซัปพลายเออร์ ที่ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนรวมกันรวมประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ 1 แสนคันต่อปี ที่โรงงานใหม่แห่งนี้ ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2007"

ดังนั้น เมื่อโรงงานแห่งใหม่นี้เริ่มดำเนินการผลิต จะทำให้โตโยต้ามีกำลังการผลิตรถยนต์ในโครงการ IMV ทั้งจากที่โรงงานสำโรงและบ้านโพธิ์รวมกันเป็น 3.5 แสนคัน เพื่อป้อนตลาดในประเทศและส่งออก ซึ่งตามเป้าหมายในอัตราส่วนเท่ากัน 50:50

นายซาซากิกล่าวว่า ส่วนจะมีการลงทุนหรือขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกหรือไม่ หลังจากดำเนินการผลิตเต็มที่แล้ว คงมาดูความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศอีกที แต่โตโยต้าสามารถเพิ่มกะทำงานล่วงเวลา (OT) เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานแห่งใหม่ได้อีกเป็นเท่าตัว

เพราะฉะนั้นหากตลาดมีความต้องการเพิ่ม โตโยต้าจะสามารถผลิตรถได้ทันทีมากกว่า 4 แสนคัน และหากตลาดมีความต้องการมากๆ โตโยต้ายังเหลือพื้นที่ที่โรงงานบ้านโพธิ์อีกมาก เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับ โดยพื้นที่โรงงานดังกล่าวมีทั้งหมด 1,200 ไร่ แต่ขณะนี้ใช้ไปเพียง 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น

"ในส่วนของโรงงานอีกแห่งที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์นั่ง ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1.1 แสนคัน แต่เมื่อกลางปีที่ผ่านมาโตโยต้าได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีกกว่า 3 พันล้านบาท สำหรับเพิ่มไลน์การผลิตรถใหม่ และขยายกำลังการผลิต ทำให้ปีหน้าโรงงานที่เกตเวย์สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 2 แสนคัน เพื่อรองรับการส่งออกและตลาดในประเทศที่เพิ่มขึ้น และเมื่อรวมกำลังการผลิตทั้ง 3 แห่งในไทย โตโยต้าจะสามารถผลิตรถได้ปีละ 5.5 แสนคัน โดยยังไม่รวมเวลางานโอที" นายซาซากิกล่าว

สำหรับโรงงานแห่งใหม่ที่บ้านโพธิ์ ถือเป็นโรงงานที่มีเทคโนโลยีการผลิตสูงมาก โดยเฉพะการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงานที่นำก๊าซธรรมชาติมาใช้การผลิตกระแสไฟฟ้า มีการจัดการมลพิษในน้ำ ทั้งในเรื่องของความเข้มมากกว่ามาตรฐาน 20% และการรีไซเคิลน้ำ รวมถึงการจัดการมลพิษทางอากาศ และการจัดการมลพิษด้านขยะ เป็นต้น