|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กระทรวงคลังไฟเขียวดีบีเอส เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นในแบงก์ทหารไทย ระบุผู้บริหารดีบีเอสเข้าพบขุนคลังยืนยันซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อไถ่ถอน สลิปส์-แคปส์ 4-5 พันล้านบาท บิ๊กทหารไทยประสานเสียงปฏิเสธใช้วิธีเพิ่มทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม รอผลศึกษาสศค.หาเครื่องมือใหม่ ยันไม่กระทบผู้ถือหุ้น ด้าน "ไพร้ซวอเตอร์เฮ้าส์" เผยแบงก์พาณิชย์ไทยส่วนใหญ่สามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับเกณฑ์บาเซิล 2 ทันกำหนดในปี 2551 ส่วนแบงก์ที่ทำไม่ได้จะได้รับการผ่อนผันจากแบงก์ชาติ เผยช่วง 1-2 ปีข้างหน้า แบงก์จะมีการเพิ่มทุน คาดทหารไทยรายแรก
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังได้กล่าวถึงกรณีการลดราคาพาร์ของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จาก 10 บาท เหลือ 3 บาท ว่า ตนเห็นชอบตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เสนอไม่เห็นด้วยกับแนวทางในการขอลดพาร์ของทหารไทย แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ขัดข้อง หากธนาคารจะใช้วิธีในการเพิ่มทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม และนำไถ่ถอนตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (สลิปส์-แคปส์) จำนวน 4,000-5,000 ล้านบาท ของธนาคารทหารไทยที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในกลางปี 2549 นี้
อย่างไรก็ตาม หากธนาคารตัดสินใจที่จะเพิ่มทุน กระทรวงการคลังยังไม่ตัดสินใจว่าจะใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวหรือไม่ เพราะต้องรอดูแผนการเพิ่มทุนของธนาคารก่อน ว่าน่าสนใจที่จะลงทุนหรือไม่ ประกอบกับดูถึงราคาหุ้นที่จะขายด้วย ซึ่งทางด้านธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ นั้น หากทหารไทยตัดสินใจเพิ่มทุน ทางดีบีเอสก็ยินดีที่จะเพิ่มทุนด้วยเช่นกัน
"นายสมหมาย ภาษี ประธานกรรมการบริหาร ได้พาผู้บริหารดีบีเอสเข้าพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หารือเรื่องแบงก์ทหารไทยจะเพิ่มทุน ซึ่งผมรับทราบและคาดว่าดีบีเอสคงจะเพิ่มทุนตามด้วย" รัฐมนตรีคลังกล่าว
อนึ่งโครงสร้างผู้ถือหุ้นธนาคารทหารไทย จำกัด ณ เดือนกันยายน 2548 คือ กระทรวงการคลังสัดส่วน 31.2 % ธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ 16.1% ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 5.4% กองทัพ 3.3% ที่เหลืออื่นๆ และรายย่อย
บิ๊กทหารไทยปฏิเสธเพิ่มทุน
นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารจะไม่เลือกใช้วิธีการขายหุ้นเพิ่มทุน แต่จะรอผลการศึกษาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังศึกษาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนำมาใช้ในการเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 1 และ 2 ของธนาคาร
"ขณะนี้ TMB มีเงินกองทุนเเพียงพอ และการไถ่ถอนสลิปส์และแคปส์ ในส่วนของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ก่อนจะมีการควบรวมกิจการ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนราวกลางปีหน้า ก็จะไม่เป็นปัญหาสำหรับธนาคาร และกำลังรอนวัตกรรมทางการเงินที่สศค.กำลังศึกษา เพื่อมาใช้ในการเพิ่มเงินกองทุนของธนาคาร โดยเฉพาะเรื่องของการไถ่ถอนสลิปส์และแคปส์ในกลางปีหน้า" นายสมใจนึกกล่าว
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังไม่อนุมัติแผนล้างขาดทุนสะสม โดยวิธีการลดพาร์จาก 10 บาท เหลือ 3 บาท ธนาคารยังคงมีวิธีอื่นในการแก้ไขปัญหา โดยจะไม่ใช่วิธีการเพิ่มทุนอย่างเด็ดขาด และธนาคารไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนในช่วงนี้
"ขณะนี้กำลังหารือเกี่ยวกับแนวทางการล้างขาดทุนสะสมอยู่ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะใช้แนวทางใด แต่ที่แน่ๆ ยืนยันว่าจะไม่ใช่วิธีการเพิ่มทุน" นายสุภัคกล่าว
โดยนายสุภัคเคยกล่าวไว้ว่า หากจะใช้วิธีนำกำไรสุทธิมาล้างขาดทุนสะสม จะต้องใช้เวลาเกือบ 6 ปี ตามปกติธนาคารมีการดำเนินธุรกิจมีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้มีการควบรวมกิจการกับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม (ไอเอฟซีที) และธนาคารดีบีเอสไทยทนุ โดยเฉลี่ยปีนี้ธนาคารมีกำไรสุทธิไตรมาสละ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันธนาคารทหารไทยขาดทุนสะสม 55,000 ล้านบาท
ไพร้ซฯ ชี้ธปท.ผ่อนผันบาเซิล 2
นางชนิตา สายเชื้อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายให้คำปรึกษาและบริการลูกค้า บริษัทไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการรองรับกับเกณฑ์การกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินฉบับที่ 2 ของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) หรือ บาเซิล 2 ว่า ธนาคารพาณิชย์ของไทยจะสามารถปรับตัวเพื่อรองรับเกณฑ์บาเซิล 2 ที่จะนำมาใช้ให้มีมาตรฐานเดียวกันในระดับสากล และจะมีความพร้อมก่อนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดในปี 2551
"ส่วนใหญ่มีการเตรียมความพร้อมมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าถ้าถึงเวลาที่จะนำเกณฑ์มาใช้แล้ว มีบางแบงก์ยังไม่สามารถทำได้ เชื่อว่าถึงเวลานั้น ทาง ธปท.คงจะผ่อนผัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ให้คำแนะนำแบงก์พาณิชย์บางแห่งไปบ้างแล้ว"
เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า จากกรณีที่บริษัท ไพร้ซ วอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ของไทยควรมีการเพิ่มทุนอีก ก่อนที่จะเริ่มใช้เกณฑ์บาเซิล 2 นั้น คาดว่าธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนมากที่สุดในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดนั้น เพราะมีความพร้อมและเหมาะสมกว่าธนาคารแห่งอื่น
"ธุรกิจทุกประเภทในโลกย่อมต้องมีการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินจากการเพิ่มทุนมาใช้สำหรับขยายธุรกิจ ซึ่งแบงก์ของไทยเองก็มีโอกาสที่จะเพิ่มทุน แต่กระบวนการเพิ่มทุนจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่แบงก์ชาติกำหนด" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับรายละเอียดของเกณฑ์บาเซิล 2 นั้น จะมีวิธีคำนวณความเสี่ยงแบบง่าย Simple Approach (SA) สถาบันการเงินอาจเลือกนำมาใช้ชั่วคราว แต่หากศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดจะเห็นว่าวิธี Advanced Approach ( IRB) จะป้องกันความเสี่ยงได้ดีกว่า และยังสามารถช่วยวัด และจัดการความเสี่ยงที่มีอยู่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะเลือกใช้วิธีใดในการปฏิบัติ แต่การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่สถาบันการเงินจะต้องคำนึงถึง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะต้องดูแลเงินกองทุนให้เพียงพอทั้งวิธีการเพิ่มทุน หรือตั้งสำรองจากกำไรเพิ่มขึ้นเพื่อนำมากันสำรองหนี้ตามความเสี่ยงด้านปฏิบัติการในเกณฑ์การดำรงเงินทุนสำรองต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บาเซิล 2 ) ซึ่งฐานะของธนาคารพาณิชย์ของไทยโดยรวมในขณะนี้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีและแข่งแกร่งพอที่จะรองรับกับเกณฑ์ดังกล่าว
"ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อาจเห็นการเพิ่มทุนของแบงก์บางแห่ง แต่การเพิ่มไม่ได้มากจนทำให้แบงก์ล้ม ซึ่งการเพิ่มทุนขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง หากเห็นว่าเพียงพอแล้วก็อาจไม่จำเป็นต้องระดมทุน ส่วนบริษัทในเครือก็ต้องปรับตัว และต้องทำความเข้าใจกับระบบ"
นางชนิตากล่าวด้วยว่า ธนาคารจะต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดี สามารถเผชิญกับความผันผวนในระบบเศรษฐกิจได้ และจัดสรรเงินกองทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งบาเซิล 2 ไม่ใช่เพียงการดูแลความเสี่ยงเท่านั้น แต่จะเป็นเครื่องมือในการกำหนดกลยุทธ์ และการหาลูกค้า อีกทั้งการปรับพอร์ตสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในช่วงต่อไป
ทั้งนี้ ในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่นิยมใช้วิธีการคำนวนเงินระบบขั้นต้น หรือ SA เพราะเป็นวิธีที่ง่าย และไม่ซับซ้อน รวมทั้งยังมีต้นทุนที่ต่ำด้วย แต่ธนาคารพาณิชย์ควรใช้วิธีการคำนวณเงินกองทุนแบบ IRB เพราะผลที่ประเมินออกมาจะมีความแม่นยำมากกว่า แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
|
|
|
|
|