|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ไมด้า-เมดดาลิสท์" ควงแขน "ไทยยูนีคคอยล์" ย่ำรอยหุ้นน้องใหม่ค่ายซีมิโก้ปีนี้เหนือจองทุกตัว บิ๊กซีมิโก้ ชี้ปีนี้ผลงานดีลูกค้าสนใจให้เป็นอันเดอร์ไรต์ฯ หุ้นเพียบ ด้าน "กมล" ย้ำศักยภาพบริษัทฯ ดี "โสภาวดี" เชื่อหุ้นใหม่ท้ายปีน่าจะสดใสตามหลัง 3 หุ้นน้องใหม่เทรดวันเดียวกันเหนือจองรวดทั้งหมด บล. ซีมิโก้ โชว์ผลงานด้านวาณิชฯ สุดสวย หุ้นที่ดูแลปรับขึ้นทั่วหน้า
วานนี้ (8 ธ.ค.) มีหุ้นที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) คือ หุ้น บมจ. ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์ (MME) ซึ่งมี "นายกมล เอี้ยวศิวิกูล" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เข้าซื้อขายเป็นวันแรก จากราคาจองซื้อ (IPO) อยู่ที่ 8 บาท เปิดตลาดซื้อขายที่ 8.50 บาท โดยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 9.55 บาท ก่อนจะปรับลดลงมาปิดที่ 8.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 3.12% มูลค่า การซื้อขาย 475.48 ล้านบาท
ส่วนหุ้น บมจ.ไทยยูนีคคอยล์ เซ็นเตอร์ (TUCC) ที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรก จากราคาจองซื้อที่ 2.70 บาท เปิดตลาดซื้อขายที่ 3.66บาท และปรับตัวสูงสุดที่ 3.80 บาท ซึ่งถือเป็นราคาปิดเพิ่มขึ้น 1.1 บาท หรือ 40.74% มูลค่าการซื้อขาย 390.15 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นน้องใหม่ดังกล่าวปรับตัวเหนือจองให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในวันแรก สวนทิศทางตลาดหุ้นไทยโดยรวมที่กลับมาทรุดตัวลง หลังนักลงทุนเทขายทำกำไร
นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไมด้า-เมดดาลิสท์ เอนเธอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MME กล่าวว่า รู้สึกพอใจที่ไม่ได้สร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน เพราะหุ้นราคาปรับเหนือราคาจองได้ ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะว่าภาวะตลาดหุ้นดีขึ้นหลังจากปัญหาทางการเมืองระหว่างนายกรัฐมนตรี กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล คลี่คลาย
ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งธุรกิจนี้เป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายดอกลำโพงและตู้ลำโพงสำหรับเครื่อง (กระดานปาเป้า) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 55% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 25-30% เพราะฉะนั้น หากบริษัทฯ ได้รับยอดสั่งซื้อมากก็จะส่งผลให้กำไรปรับตัวดีขึ้น
ส่วนประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งหนังสือโดยให้บริษัทชี้แจงการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อมูลในหนังสือชี้ชวนบริษัทก็พร้อมจะดำเนินการชี้แจงภายใน 3 วัน ตามระยะเวลาที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด โดยที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ความเข้าใจในเรื่องตัวเลขผิดพลาด เพราะหากเปรียบเทียบกับยอดขายที่อยู่ที่ระดับ 205 ล้านบาท เป็นไปไม่ได้ว่าบริษัทจะมีกำไรถึง 160 ล้านบาท
ส่วนข้อมูลการขยายการส่งออกสินค้าของบริษัทไปยังประเทศต่างๆ 11 ประเทศ แต่ที่ระบุในหนังสือชี้ชวนระบุไว้เพียง 4 บริษัท เนื่องจากในช่วงที่ยื่นไฟลิ่งให้สำนักงาน ก.ล.ต.บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจา ขณะที่ในวันที่มีการแถลงข่าวบริษัทได้ข้อสรุปในเรื่องการส่งสินค้าตามที่แถลงคือ 11 ประเทศ
อนึ่ง ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) ในหุ้นบริษัทไมด้า-เมดดาลิสท์ฯ จำนวน 20 รายการ คิดเป็น 17.8 ล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขาย 142.4 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 8 บาท
ซีมิโก้ฟุ้งปีนี้ผลงานเยี่ยม
นางปิ่นมณี เมฆมัณฑนา ผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบมจ. ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอนเธอร์เทนเม้นท์ กล่าวว่า ผลงานของ บล.ซีมิโก้ ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการ จำหน่ายบริษัทใหม่ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงที่ผ่านมา ผลงานถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ราคาหุ้นบริษัทต่างๆ สามารถปรับขึ้นเหนือราคาจองซื้อได้โดยตลอด ซึ่งทำให้หลายบริษัทมีความสนใจที่จะให้บริษัทเข้าไปจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บล.ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือเป็นแกนนำในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย (ลีดอันเดอร์- ไรเตอร์) ภายในปีนี้ ประกอบด้วย บมจ. ค้าเหล็กไทย (TMT), บมจ.เพิ่มสิน สตีล อินดัสทรี (PERM), บมจ.โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ (GC) และเตรียมที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปีนี้อีก ประกอบด้วยบริษัทเอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด(มหาชน)และยังมีบริษัทสตีล อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ที่บล.ซีมิโก้ เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
TUCC เชื่อ Q4 ดีกว่า Q3
นายยงยุทธ งามไกวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUCC กล่าวว่า พอใจกับราคาหุ้นที่ซื้อขายในวันแรก ที่สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.70 บาทได้ จากปัจจัยพื้นฐานบริษัทที่ดี ประกอบกับการดำเนินงานของธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม
บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4/48 จะออกมาดีกว่าในช่วงไตรมาส 3/48 ที่มีกำไรสุทธิ 25.09 ล้าน บาท เนื่องจากบริษัทมีคำสั่งซื้อค่อนข้างมาก โดยคาดรายได้ทั้งปีจะอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2549 รายได้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปี 2548 เพราะหลังจากทางบริษัทฯ มีการระดมทุน ก็พร้อมจะนำเงินที่ได้มาซื้อเครื่องจักรขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ดังนั้นผลประกอบการในอนาคตคงจะดีขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 3/48 ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 58.13 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.35 บาท กำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.93 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.01 บาท ส่วนงวด 9 เดือนในปี 2548 มีกำไรสุทธิ 104.93 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.39 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.02 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท
หุ้นใหม่ที่เหลือมีลุ้น
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หุ้นใหม่ที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอช่วงหลังจากนี้น่าจะดีขึ้น หลังจากวานนี้ (8 ธ.ค.) หุ้นไอพีโอเข้าซื้อขายถึง 3 บริษัทก็สามารถยืนเหนือจองได้
ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายทำให้ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัว และนักลงทุนมีความมั่นใจที่จะกลับมาลงทุนมากขึ้น โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อในพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย
"นักลงทุนรายย่อยยังนิยมที่จะเล่นหุ้นเก็งกำไร ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะต้องมีพื้นฐานของบริษัทประกอบด้วยตลาดหุ้นไทยจะต้องเพิ่มจำนวนนักลงทุนสถาบัน ซึ่งจะทำให้ดูหุ้นปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น" นางสาวโสภาวดีกล่าว
|
|
|
|
|