|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอไอเอสประกาศเม็ดเงินลงทุนปีหน้า 1.6 หมื่นล้าน แบ่งเป็นเน็ตเวิร์ก 3G 8 พันล้าน หากได้ไลเซนส์จาก กทช.พร้อมบริการภายใน 3-4 เดือน ชูวิชันปี 2549 เป็น Industry Convergence ด้วยเป้าหมายขยายฐานลูกค้าเพิ่มอีก 1.3 ล้านราย หรือเป็น 17.3 ล้านราย
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหารบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอสกล่าวว่า เอไอเอสจะใช้เงินลงทุนในปี 2549 ประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งคือ 200 ล้านเหรียญหรือประมาณ 8 พันล้านบาท จะเป็นการลงทุนหากได้ใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์มือถือในระบบ 3G จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะใช้ในการปรับปรุงคุณภาพของเครือข่ายในปัจจุบันและการพัฒนาบริการต่างๆ
หากเอไอเอสได้ไลเซนส์ 3G ก็พร้อมให้บริการหลังจากนั้น 3-4 เดือน
"เอไอเอสมีแผนเบื้องต้นสำหรับ 3G คือต้องสร้างเน็ตเวิร์กใหม่วางทับซ้อนในบริเวณที่เป็นเน็ตเวิร์ก 2G ที่มีอยู่ ซึ่งจะเป็นบริเวณที่มีการใช้งานหนาแน่น และผู้ใช้บริการต้องการใช้บริการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น ย่านใจกลางกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ อย่างเชียงใหม่ และหาดใหญ่ ส่วนการให้บริการลูกค้าสามารถใช้ได้โดยไม่เกิดการสะดุด เพราะจะเป็นการโรมมิ่งระหว่างเครือข่ายที่มีอยู่ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการมากกว่าเมื่อครั้งเปลี่ยนจากระบบอนาล็อกมาเป็นดิจิตอล เนื่องจากปัจจุบันโทรศัพท์มือถือรองรับทั้งระบบ 2G และ 3G ภายในเครื่องเดียวกัน "
เป็นเวลาที่เหมาะสมของการให้บริการ 3G ในประเทศซึ่งพอดีกับกทช.จะประกาศหลักเกณฑ์ไลเซนส์ 3G ภายในปีนี้
เขาย้ำว่าเงินลงทุน 400 ล้านเหรียญ อยู่ในระดับที่เอไอเอสสามารถหาแหล่งเงินทุนได้ โดยไม่จำเป็นต้องหาพาร์ตเนอร์ต่างชาติใหม่หรือเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของพาร์ตเนอร์ต่างชาติรวมทั้งไม่ต้องขายบางส่วนของเอไอเอส
"ผมยืนยันว่าไม่มีการหาพาร์ตเนอร์ต่างชาติใหม่ และไม่มีการเพิ่มสัดส่วนของพาร์ตเนอร์เดิม เพราะทุกวันนี้ต่างชาติถือเต็มเพดาน 49% แล้ว"
นายสมประสงค์กล่าวว่า วิชันปี 2549 ของเอไอเอสจะชูแนวคิด Industry Convergence หรือการบรรจบและหลอมรวมกันของหลายๆ อุตสาหกรรมในการให้บริการ โดยที่ Industry Convergence จะเกิดได้จากการรวมตัวของ 3 สิ่งคือ 1.Device Convergence หรือการที่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งสามารถทำงานได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล พ็อกเกตพีซี 2.Technology Convergence โดยเฉพาะการบรรจบรวมกันระหว่างเทเลคอมเน็ตเวิร์กกับคอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก ทำให้เกิดไอพีเน็ตเวิร์ก และ 3.Service/Application Convergence ที่เป็นผลจากเน็ตเวิร์กที่สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงมากขึ้นทำให้เกิดบริการหรือแอปพลิเคชันในรูปแบบมัลติมีเดียสมบูรณ์แบบและหลากหลาย
"ไอพีเน็ตเวิร์กเหมือนกระแสเลือดในร่างกาย บริการก็เหมือนอวัยวะต่างๆ แขนขา ซึ่งผู้ใช้ก็คือสมอง สามารถใช้บริการต่างๆ ผ่านเครื่องมือที่มีอยู่ บริการที่เห็นได้ชัดคือบริการเอ็มเปย์"
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการเอไอเอสกล่าวถึงทิศทางการตลาดในปีหน้าว่าเอไอเอสจะมีลูกค้าเพิ่มจาก 16 ล้านรายเป็น 17.3 ล้านรายหรือเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านราย โดยที่ตลาดรวมจะมีประชากรมือถือเพิ่มจาก 48% เป็น 53% หรือตลาดรวมเติบโตจาก 30 ล้านเป็น 32 ล้านรายหรือโตขึ้น 7%
"เอไอเอสจะเติบโตผ่านตลาดใหม่ในระดับรากหญ้าหรือต่างจังหวัดที่มีความเข้มแข็งด้านเน็ตเวิร์ก และการเน้นเรื่องเซกเมนเตชันให้มีความชัดเจนมากขึ้น" ในด้านการตลาดเอไอเอสจะให้ความสำคัญ 4 ด้านคือ
1. การสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกและมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานแก่ผู้ใช้บริการ
2. การสร้างตลาดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งนำบริการถึงมือประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ห่างไกลรวมไปถึงกลุ่มที่ยังไม่เคยใช้บริการ (New Market Creation)
3. บริการเสริมที่ต้องง่ายและเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า โดยมุ่งเน้นไปสู่การพัฒนาบริการเสริม 3G และ
4. โซลูชันที่ออกแบบเฉพาะเพื่อองค์กรในแต่ละสายธุรกิจ ที่ต้องสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ ตอบโจทย์ในเชิงการบริหารงานอย่างแท้จริง (Enterprise Solutions) โดยที่การให้บริการโซลูชันลูกค้าองค์กร หรือ SME ต้องมองทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยเฉพาะแนวตั้งจะต้องมองบริการที่จะให้ถึงระดับ Value Chain ของลูกค้าแต่ละกลุ่มด้วย
ด้านนางอาภัททรา ศฤงคารินกุล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานพัฒนาโซลูชันกล่าวว่าในปีหน้าเทคโนโลยีที่เอไอเอสเลือกใช้ประกอบด้วย 1. Multi Service Network ที่เชื่อมโยงทุกเน็ตเวิร์กเข้าด้วยกันทั้งฟิกซ์ไลน์และไวร์เลส 2. DRM หรือ Digital Right Management เพื่อสร้างความมั่นใจให้คอนเทนต์พาร์ตเนอร์ 3. Contactless Communication เช่น ใช้สำหรับรถไฟฟ้าใต้ดินหรือการเช็กสต๊อกสินค้าคงคลัง และ 4. เทคโนโลยี 3G
นายสมประสงค์กล่าวสรุปว่าสำหรับการแข่งขันในปีหน้าเชื่อว่าจะมีการแข่งขันที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ปรัชญาจะเหมือนเดิม เกมจะเปลี่ยนไป เกมเดิมๆ ที่เล่นเรื่องราคาจะลดความสำคัญลง แต่จะหันไปหาบริการที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ส่วนกรณีการแข่งขันกับโอเปอเรเตอร์ต่างชาติ อย่างเทเลนอร์ที่ถือหุ้นในดีแทคนั้น เขาเชื่อว่า เอไอเอสสามารถแข่งขันได้ ใน 3 ประเด็น คือสายป่านยาว ซึ่งเอไอเอสมั่นใจว่าเครดิตเรตติ้งของบริษัทจะช่วยทำให้สามารถหาแหล่งเงินทุนหรือแหล่งเงินกู้ได้ไม่ยาก, ในเรื่องเทคโนโลยี เอไอเอสมั่นใจว่าก้าวทันเทคโนโลยี ส่วนการเลือกเทคโนโลยีนั้นก็มีนายวิกรม ศรีประทักษ์ CTO มารับผิดชอบในเรื่องนี้แล้ว และประเด็นสุดท้ายคือระบบบริหารจัดการหรือ Management System ที่ดี ซึ่งทำให้มั่นใจว่าสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้
|
|
|
|
|