|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นาทีทองผู้ประกอบการรายกลางลุยสร้างยอดขาย พลิกวิกฤติเป็นโอกาสเจาะตลาดบ้านหรู จับนิชมาร์เก็ต หลังตลาดแผ่วเหตุคู่แข่งทยอยพับแผนรุกตลาดบ้านระดับบน "พรีเมียร์ กรุ๊ป" ซุ่มปรับโครงสร้างบริหารจัดกระบวนทัพใหม่ ชูจุดแข็งประสบการณ์ในธุรกิจจัดสรรยาวนานกว่า 34 ปี ชี้ตลาดบ้านหรูยังมีดีมานด์ ประกาศปั้นแบรนด์ใหม่ เน้นจุดขายที่แตกต่าง พร้อมปฏิวัติแนวทางการทำตลาด เปิดบ้านตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองพักฟรีก่อนตัดสินใจซื้อ
กลยุทธ์ทางการตลาดทุกรูปแบบถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขาย ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค แต่ยอดขายตลาดบ้านระดับบนที่มีราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปก็ยังอืดเร่งไม่ขึ้นเหมือนเช่นเดิม โดยแนวทางเดียวที่จะทำให้ผู้ประกอบการจัดสรรสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในสิ้นปีนี้คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำตลาดใหม่ ขยายการลงทุนสู่ตลาดบ้านราคา 3-5 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง และมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง สำคัญที่สุดคือตลาดดังกล่าวเป็นกำลังซื้อจริง
ผู้ประกอบการจัดสรรที่เคยทำตลาดระดับบน ต่างปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างความอยู่รอด ไม่เว้นแม้กระทั่งแบรนด์ใหญ่อย่าง บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ ที่ถูกบริษัทแม่อย่าง บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ วางตำแหน่งให้พัฒนาโครงการจัดสรรระดับบน จนกระทั่งแบรนด์เป็นที่ยอมรับของตลาดยังต้องประกาศปรับกลยุทธ์ โดยตั้งบริษัทใหม่ลุยตลาดบ้านระดับกลาง ภายใต้แบรนด์คาซ่า วิลล์
ทั้งนี้ ไม่นับรวมกับผู้ประกอบการอีกหลายรายโดยเฉพาะรายเล็กๆ ที่ยอมถอนตัวออกจากธุรกิจ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้ตลาดบ้านระดับบนมีคู่แข่งขันในตลาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะคู่แข่งระดับเดียวกันอย่าง บมจ.แผ่นดินทอง ดิเวลลอปเมนท์ และ บมจ.โนเบิล ดิเวลลอปเมนท์ ยังคงปักหลักยึดมั่นในตลาดระดับบนต่อไป โดยมี บมจ.แสนสิริ คอยรักษาฐานลูกค้าของตนเองอยู่ห่างๆ ด้วยการเปิดตัวโครงการ ดิ เอ็มเพอร์เร่อร์ ซึ่งเป็นซับแบรนด์ของนาราสิริ รองรับฐานลูกค้าระดับบนในย่านราชพฤกษ์
เมื่อผู้เล่นในตลาดบ้านหรูเริ่มลดน้อยลง ดีกรีการแข่งขันก็ลดระดับลงตามไปด้วย ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเปิดช่องว่างให้ผู้ประกอบการจัดสรรที่ทำตลาดบ้านระดับบนได้มีโอกาสทำตลาดแบบไร้คู่แข่ง ดังนั้น กลุ่มเสรี พรีเมียร์ เจ้าของหมู่บ้านเสรี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่บุกเบิกธุรกิจจัดสรรในไทย ฉวยนาทีทองในช่องตลาดมีช่องว่างกลับเข้ามาลงทุนโครงการจัดสรรอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าดีมานด์ในตลาดบ้านระดับบนยังมี แต่ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม และรูปแบบโครงการที่ตรงใจผู้บริโภค
หลังวิกฤติฟองสบู่เจ้าของหมู่บ้านเสรี เก็บตัวเป็นเสือซุ่ม ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ให้ชัดเจนและรอบคอบมากขึ้น เพื่อลบจุดอ่อน เสริมจุดแข็งด้านประสบการณ์และความชำนาญของบุคลากร รวมทั้งสร้างแบรนด์ใหม่ที่เน้นความแตกต่างจากคู่แข่งมากขึ้น
วรรณา คลศรีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสรี พรีเมียร์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่แล้วความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือความแตกต่างของสินค้าและบริการที่เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่น โดยเฉพาะกลยุทธ์การตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยก้าวใหม่ของกลุ่มพรีเมียร์ในวันนี้ คือการพัฒนาโครงการ เดอะ เรสซิเดนท์ บาย เสรี พรีเมียร์ บ้านเดี่ยวราคายูนิตละ 38-71 ล้านบาท จำนวน 26 ยูนิต บนเนื้อที่ 23 ไร่ ย่านพรีเมียร์พระราม9 เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับบนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ และต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกหลานในอนาคต
โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการนำร่องในในการเปิดกลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ ซึ่งเรียกว่า "Experience Marketing"(เอ็กซ์พีเรียน มาร์เก็ตติ้ง โดยให้ลูกค้าทดลองเข้าพักอาศัยจริงในบ้านตัวอย่างเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสบรรยากาศในการพักอาศัย และการใช้ประโยชน์ของพื้นที่แต่ละส่วนในบริเวณบ้าน โดยคัดเลือกจากฐานลูกค้าของบริษัทที่มีอยู่เดิมกว่า 1,000 ราย และฐานลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งของ ซิตี้โกลด์ ในเครือซิตี้แบงก์ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเงิน
ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 10% ของมูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท คาดปิดการขายได้ในกลางปีหน้า หลังจากนั้นจะเปิดการขายในโครงการใหม่อีก 1 แห่งในช่วงเดือน เม.ย.49
|
|
|
|
|