|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ก.ล.ต. สั่งไมด้าเมดาลิสท์ฯ แจงข้อมูลผลการดำเนินงาน พร้อมเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการซื้อขาย หลัง 'กมล' ทำนายกำไรปี 2548 จะเพิ่มขึ้นราว 500% จาก 19 ล้านบาทเป็น 100 ล้านบาท ทั้งมั่นใจแม้ว่าราคาจองหุ้นสูง แต่อัตราการเติบโตของบริษัทจูงใจ ด้านบริษัทฯเผยอยู่ระหว่างทำหนังสือชี้แจงเชื่อไม่กระทบการซื้อขาย
วันนี้(8 ธ.ค.) จะมีหุ้นใหม่ 3 บริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยหุ้นที่จะเข้าซื้อขาย ใน SET ประกอบด้วย บมจ. ไมด้า-เมดาลิสท์ เอ็นเตอร์ เทนเม้นท์ (MME) จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่จัดสรร 60 ล้านหุ้น ราคาจองซื้อหุ้นละ 8 บาท และ บมจ. ไทยยูนีคคอยล์ เซ็นเตอร์ (TUCC) จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่จัดสรร 85 ล้านหุ้น ราคาจองซื้อหุ้นละ 2.70 บาท ส่วน บมจ.124 คอมมิวนิ- เคชั่นส (PR124) จะเข้าซื้อขายในตลาด mai
นายกมล เอี้ยวศิริกูล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไมด้า-เมดาลิสท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กล่าวว่า การเข้าซื้อขายของ หุ้นบริษัทในวันนี้เชื่อว่าราคาจะปรับขึ้นเหนือราคาจองซื้อได้ เนื่อง จากหุ้นของบริษัทได้รับการตอบสนองจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าในวันนี้จะมีหุ้นที่เข้าซื้อขายถึง 3 บริษัท แต่เชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนใจกับหุ้น MME มากกว่า เนื่องจากความน่าสนใจของบริษัทค่อนข้างสูงทั้งในแง่ขนาดของทุนและอัตราการเติบโตของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าลงทุน
การกำหนดราคาจองซื้อที่ 8 บาทต่อหุ้น หากพิจารณาจากค่าพีอีเรโชก็ถือว่าราคาดังกล่าวค่อนข้างสูง แต่หากนักลงทุนได้มีการลงทุนในระยะยาว ก็มองว่าเป็นราคาที่มีความเหมาะสม
ส่วนกำไรสุทธิในปี 2548 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 500% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 19 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 100 ล้านบาท ขณะที่ 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ยปีละ 100%
"ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของ ประเทศอยู่ในช่วงขาลง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่อง จากเป็นการส่งออกทั้ง 100% และความต้องการในต่างประเทศยังมีอีกมาก โดยบริษัทจะยังเน้นการส่งออกเป็นหลัก"
ด้านสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ตามที่ปรากฏข่าวว่า นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการ บมจ.ไมด้า-เมดดาลิสท์ฯ คาดการณ์ผลประกอบการของ MME ว่า ในปีหน้าผลกำไรจะเติบโตไม่น้อยกว่า 100% และ ปีต่อไปอีก 200% เนื่องจาก MME กำลังขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่อีก 11 ประเทศ จากเดิมที่ตลาดส่งออกหลัก เป็นกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ส่วนผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 MME มีกำไรสุทธิถึง 160 ล้านบาท นั้น
จากการตรวจสอบข้อมูล ก.ล.ต. พบว่า ข้อมูลในข่าวดังกล่าว ไม่ตรงกับหนังสือชี้ชวนที่ MME ได้เปิดเผยต่อประชาชนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจจองซื้อหุ้น MME กล่าวคือ ไม่ปรากฏ ว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับการคาดการณ์ ผลกำไรในอนาคตในหนังสือชี้ชวน และในหนังสือชี้ชวนมีข้อมูลด้านตลาดส่งออก ที่ระบุว่า ปัจจุบัน MME ส่งออกสินค้าไปยังประเทศ ญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ และได้มีการขยายการส่งออกไปอีก 4 ประเทศ
รวมทั้งแสดงผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 ซึ่งมีกำไรสุทธิเพียง 60 ล้านบาท ส่วนการคาดการณ์ผลกำไรที่ปรากฏในข่าวนั้น ก็กล่าวขึ้น โดยไม่มีข้อมูลสนับสนุนแต่อย่างใด ก.ล.ต. ขอให้ผู้ลงทุนใช้วิจารณญาณและเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลของ MME ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างขอให้นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานใน ไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2548 ที่แจ้งต่อ ตลท.ระบุว่า มีกำไรสุทธิ 22.51 ล้านบาทกำไรสุทธิ ต่อหุ้น 0.11 บาทกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.22 ล้านบาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท
ส่วนในงวด 9 เดือนของปี 2548 มีกำไรสุทธิ 60.13 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.37 บาทกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.33 ล้าน บาทกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.51 บาท
ล่าสุด MME เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลชี้ แจง ก.ล.ต.เกี่ยวกับข้อมูล กำไรในอนาคตของ MME ที่ไม่ตรงกับหนังสือชี้ชวน ซึ่งเชื่อว่า จะไม่ส่งผลการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของ MME แต่อย่างใด
|
|
|
|
|