|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ฟิทช์ฯคาดธุรกิจกองทุนรวมหันมาจัดเรตติ้งกองทุนตราสารหนี้มากขึ้น หวังเป็นแผนการตลาดเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน เนื่องจากมีตัวกลางที่ทำหน้าที่ประเมินคุณภาพตราสาร และการบริหารจัดการของบลจ. หลังแนวโน้มลูกค้าเงินฝากเริ่มโยกเงินลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ ชี้หลังสถาบันประกันเงินฝากเกิดจะทำให้คนเริ่มตื่นตัวในการวางแผนการลงทุน
นายวินเซนต์ มิลตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิทช์ เรตติ้งส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มหลังการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากจะทำให้มีเงินฝากไหลเข้าสู่ธุรกิจกองทุนรวมมากขึ้น เพราะการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์มีการค้ำประกันเงินฝากบางส่วน ซึ่งทำให้กองทุนที่มี นโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทยได้รับการตอบรับจากนักลงทุน
นายเลิศชัย กอเจริญรัตนกุล Associate Director Corporates บริษัท ฟิทช์ เรตติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การจัดเรตติ้งกองทุนตราสารหนี้ของบริษัทในขณะนี้มี 2 บลจ.ที่ให้ฟิทช์ฯจัดเรตติ้งกองทุนตราสารหนี้ให้คือ บลจ. ทหารไทย และบลจ.อยุธยาเจเอฟ และในช่วงที่ผ่านมามีการเจรจากับบลจ.หลายแห่ง เพื่อเข้าไปทำหน้าที่จัดเรตติ้งกองทุนตราสารหนี้ให้
"การจัดเรตติ้งกองทุนรวม ฟิทช์ฯได้ทำมานานแล้วในต่างประเทศ ซึ่งได้รับตอบรับมาก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ในยุโรปเริ่มมีมากขึ้น ขณะที่ตลาดเอเชียเริ่มมีความต้องการให้จัดเรตติ้ง กองทุนรวมเช่นเดียวกัน เช่น เกาหลี จีน และ ในประเทศไทย เริ่มมีการจัดเรตติ้งกองทุนตราสารหนี้ในปีนี้เป็นครั้งแรก" นายเลิศชัยกล่าว
สำหรับกองทุนรวมตราสารหนี้กองแรกของประเทศไทยที่มีการจัดเรตติ้ง โดยฟิทช์ฯ คือ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน (AJFCASH) ของบลจ.อยุธยาเจเอฟ ได้รับการจัดอันดับ ที่ระดับ "AA(tha)" / "V1(tha)" ส่วนกองที่สองคือ กองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ ของ บลจ.ทหารไทย ได้ประกาศให้เครดิตกองทุนดังกล่าวที่ระดับ AAA (tha)/V1+(tha)
นายเลิศชัย กล่าวว่า การจัดเรตติ้งกองทุนจะส่งผลดีทั้งกับกองทุนรวม และนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุน เนื่องจากมีตัวกลางที่มีอิสระเข้ามาทำหน้าที่วิเคราะห์กองทุนให้แก่นักลงทุน ซึ่งทำให้ผลการวิเคราะห์ออกมามีความโปร่งใส และเป็นธรรม ขณะเดียวกัน ยังทำให้กองทุน มีการเปิดเผยข้อมูลการลงทุน การบริหารจัดการมากขึ้น เนื่องจากการจัดอันดับเครดิตต้องมีการติดตามข้อมูลเป็นรายเดือน รายสัปดาห์ ว่า นโยบายการลงทุนของผู้จัดการกองทุนมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง หรือมีการควบคุมความเสี่ยงอย่างไร ซึ่งหากพบความผิดปกติ
นอกจากนี้ บลจ.ที่จัดเรตติ้งกองทุนยังสามารถที่จะนำเรตติ้งที่ได้รับการจัดอันดับเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ถึงความโปร่งใสในการดำเนินงานของกองทุน ซึ่งจุดนี้ในแง่ของการตลาดถือว่าดีสำหรับบลจ.ที่ชี้ให้เห็นถึงความโปร่งใสในการทำงาน และเชื่อว่าหากกองทุนมีความตื่นตัวในเรื่องของการจัดเรตติ้ง จะทำให้ตลาดกองทุนรวมในอนาคตขยายตัวได้อีกมาก
"ในช่วงที่ผ่านมา เราได้มีการนำเสนอข้อมูลกับบลจ.หลายแห่ง และเริ่มเห็นการตื่นตัวของบลจ. ซึ่งเริ่มหันมาให้ความสำคัญต่อการจัดเรตติ้งกองทุนมากขึ้น โดยเชื่อว่าในปีหน้าจะมีบลจ.หลายแห่งที่จัดเรตติ้งกองทุน"
นายเลิศชัยกล่าวอีกว่า ในปีนี้มีเงินฝากไหลเข้ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ และกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในตลาดเงินเป็นจำนวนมาก มูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่นักลงทุนต้องการโยกเงินฝาก เพื่อหาโอกาสการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ในช่วงที่แนวโน้ม อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น และบางกลุ่มมีการพักเงินฝากไว้ในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดเงิน เพื่อรอจังหวะดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ก่อนที่จะนำเงินไปลงทุนในระยะยาวซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า
|
|
|
|
|