Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2540
ขอดเกล็ดเส้นทางสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์             
โดย อนุสรา ทองอุไร
 


   
search resources

สิงห์ ตั้งทัตสวัสดิ์




"สิงห์เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเป็นผู้บริหารบริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง และยังเข้าใจระบบตลาดทุนของไทยเป็นอย่างดี เชื่อว่า หากได้รับการคัดเลือกจะนำพาตลาดหุ้นไทยไปสู่จุดหมายปลายทางที่ดีได้"

นั่นคือ คำกล่าวอย่างมั่นใจของโกวิทย์ โปษยานนท์ ประธานคณะกรรมการการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผู้ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งกรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แทนเสรี จินตนเสรี ที่หมดวาระลงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2539

ที่ผ่านมา การทาบทามผู้ที่มีความสามารถเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของเขาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากผู้ที่ถูกทำการทาบทามหวั่นเกรงต่อภาวะการเมืองที่จะเข้ามาครอบงำตลาดหลักทรัพย์ฯ ในขณะนั้น ทำให้การสรรหาผู้จัดการตลาดฯ ยากลำบากกว่าที่แล้ว ๆ มา

โกวิทย์ เล่าว่า "คณะกรรมการสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ได้มีความพยายามที่จะทาบทามบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว แต่เนื่องจากตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เป็นตำแหน่งที่ผู้เข้ามารับผิดชอบจะต้องเสียสละและเป้นงานที่หนัก เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งผลประโยชน์ของบุคคลที่เกี่ยวขอ้งประกอบกับเกรงว่าจะมีอิทธิพลทางการเมืองเข้ามาครอบงำ ดังนั้นการสรรหาบุคคลจึงค่อนข้างลำบาก ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้รับการปฏิเสธ จากผู้ที่ได้รับการทาบทามมาแล้วหลายราย"

แต่แล้วโกวิทย์ก็ได้สิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทสยามเซลลูโลส และรองกรรมการผู้จัดการบรษัทเยื่อกระดาษสยามจำกัด (มหาชน) โดยทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทในเครือซิเมนต์ไทย มาดำรงตำแหน่งดังกล่าว หลังจากที่ใช้เวลาในการทาบทามมาเกือบเดือน ด้านสิงห์เองนั้นก็ใช้เวลาตัดสินใจในการรับตำแหน่งนี้นานกว่า 20 วันเช่นกันในการตอบรับ

สิงห์ บอกเล่าถึงการตัดสินใจของตัวเองในวันเปิดตัววันแรกกับสื่อมวลชนที่บริษัทเยื่อกระดาษสยามว่า "โกวิทย์ โปษยานนท์ ประธานคณะกรรมการสรรหาได้ทาบทามผลโดยบอกว่าได้รับการเสนอชื่อ หลังจากนั้นประมาณ 20 วันจึงตอบรับ เพราะเห็นว่าเป็นตำแหน่งที่ท้าทายความสามารถบวกกับความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ รวมทั้งสายสัมพันธ์ที่เคยร่วมงานและรู้จักส่วนตัวกับคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังเห็นว่า น่าจะทำงานกันได้อย่างราบรื่น"

สิงห์ มีแนวความคิดและมุมมองที่เชื่อว่า ตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่ผู้ประสานประโยชน์ของทุกฝ่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะทุกอย่างมีกติกาที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้ว ในการซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้ลงทุนได้ประโยชน์จากกำไรที่ไม่ต้องเสียภาษี ส่วนโบรกเกอร์ได้รับค่าธรรมเนียมจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับตลาดหลักทรัพย์ก็ได้รับค่าธรรมเนียมจากสมาชิก แต่ว่าตลาดก็ต้องมีหน้าที่ดูแลผู้เกี่ยวข้องให้มีวินัยและจริยธรรมในการทำธุรกิจให้มากที่สุด ส่วนตัวเขาเองก็มีหลักปรัชญาในการบริหารที่เปิดเผยและจริงใจ

สำหรับหลักการในการบริหารงานในตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์นั้น สิงห์ระบุชัดแจ้งว่า จะเน้นการปรับปรุงคุณภาพของข้อมูล และเน้นการเปิดเผยข้อมูลอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงความพยายามที่จะให้ผู้ลงทุนสนใจใช้ข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุนให้มากขึ้น

อีกทั้งเขายังให้ความเห็นถึงบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อบริษัทจดทะเบียนว่า ตลาดไม่มีอำนาจมากมายถึงขั้นจะปลดผู้บริหารได้ "ในบ้านเราบริษัทจดทะเบียนในตลาดมักจะถูกครอบงำโดยระบบครอบครัว หลายองค์กรยังไม่เปิดให้มืออาชีพเข้าไปบริหารงาน ขณะที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว สมัยนี้ต้องการมืออาชีพบริษัทที่พัฒนาแล้วกำไรที่ได้ต้องจ่ายปันผล 50% ที่เหลือจึงนำมาขยายงาน"

นอกจากนั้น มุมมองของสิงห์ ยังแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเสรี จินตนเสรี กรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนก่อนหน้านี้ ที่เน้นการทำโรดโชว์เพื่อไปประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศ "ไม่ใช่หน้าที่ของตลาดที่จะต้องชี้แจงข้อมูล ตลาดมีหน้าที่หาข้อมูลมาเปิดเผยให้นักลงทุนรับทราบอย่างเท่าเทียมกัน ผมมั่นใจว่า ถ้าหากเศรษฐกิจดีก็ไม่จำเป็นต้องไปทำโรดโชว์ที่ต่างประเทศ"

ทางด้านประวัติการศึกษานั้น สิงห์ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าเลยทีเดียว เนื่องจากเขาจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นบินไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทางด้านการบริหารธุรกิจ สาขาการเงินการธนาคารที่ WHARTON SCHOOL OF FINANCE AND COMMERCE, UNIVERSITY OF PENNSYLVANIA

ส่วนประวัติการทำงานนั้น สิงห์ก็ผ่านการทำงานมาไม่น้อยและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง แถมมีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้บริหารทางด้านการเงินอย่างมากมาย ด้วยวัย 54 ปี เขาเริ่มชีวิตการทำงานครั้งแรกเมื่อปี 2511 โดยรับราชการในตำแหน่งเศรษฐกรโท ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เป็นเวลากว่า 12 ปี จนมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นถึงผู้อำนวยการกองวางแผนการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง

ในระหว่างที่ใช้ชีวิตราชการที่กระทรวงการคลังนั้นเคยร่วมงานกับบดี จุณณานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขณะนั้นอยู่ที่สำนักงานงบประมาณเช่นกัน อีกทั้งยังเคยร่วมงานกับปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. โดยในตอนนั้นเป็นผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย

เมื่อออกจากราชการในปี 2523 ก็ถูกชักชวนไปอยู่ที่บริษัทปูนซิเมนต์ไทยในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและวางแผน จนกระทั่งปี 2529 ก็ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัทเยื่อกระดาษสยาม และเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท สยามเซลลูโลสควบอีกตำแหน่ง ซึ่งสิงห์ใช้ชีวิตการทำงานอยู่ในเครือซิเมนต์ไทยเป็นเวลาเกือบ 16 ปี

คนที่เคยทำงานกับสิงห์ที่บริษัทปูนซิเมนต์ไทยเล่าให้ฟังว่า สิงห์เป็นคนที่ใจเย็นในการทำงานและไม่ใช้อารมณ์จึงเป็นที่รักของลูกน้องอย่างมาก คุณสมบัติเด่นอีกข้อหนึ่งที่คนในปูนซิเมนต์ไทยรู้ดีก็คือ เขาเป็นคนที่ประสานง่าย มีคอนเนกชั่นที่ดีกับทุก ๆ ฝ่ายไม่มีปัญหาในเรื่องของการติดต่อกับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหารหรือพนักงาน แถมยังเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ บางครั้งอาจจะแลดูว่าช้าเกินไป

แต่นั่นอาจจะเป็นคุณสมบัติของนักการเงินทั่วไปก็ได้ และเป็นข้อดีโดดเด่นจนเข้าตากรรมการจึงได้รับเลือกเข้ามา ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์คนแรกที่มาจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น ส่วนจะผ่านพ้นไปได้อย่างดีหรือไม่นั้น คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งสิงห์ยังมีเวลาเหลืออีก 3 ปีกว่าในการพิสูจน์ฝีมือ หากไม่ถูกมรสุมร้ายพัดใส่จนเกิดท้อแท้ไปเสียก่อน

โดยชีวิตส่วนตัวแล้วว่ากันว่า สิงห์เป็นคนที่ติดดินมาก ไม่มีพิธีรีตองใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนครอบครัวนั้นมีพื้นเพดั้งเดิมอยู่แถวเยาวราช จัดว่ามีฐานะดีทีเดียวเพราะเป็นลูกชายร้านทองชื่อดังเก่าแก่ของเยาวราช คือ ตั้งโต๊ะกัง แถมยังมีกิจการโรงแรมขนาด 3 ดาวอยู่บริเวณเดียวกันด้วย ซินแสสูงอายุท่านหนึ่งที่เคยรู้จักตระกูลของสิงห์ดีเล่าให้ฟังว่า

"ตระกูลตั้งโต๊ะกังนั้น ถือว่ารวยที่สุดในเยาวราช และที่ฮือฮามากในขณะนั้นก็คือ เป็นตระกูลแรกที่สร้างตึกสูงที่สุดในตอนนั้น คือ สูงถึง 7 ชั้น ส่วนตระกูลที่รวยรองลงมาในเยาวราช คือ เตชะไพบูลย์ ซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารห้อยเทียนเหลา สาขาแรกเกิดที่เยาวราช แต่นั่นมัน 50 กว่าปีมาแล้วนะ แต่ตอนนี้ตังทัตสวัสดิ์ก็ยังรวยอยู่ดี"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us