|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เทรนด์รักสุขภาพมาแรง ส่งผลตลาดเครื่องสำอางชายบูมตาม เอซี นีลเส็นเผยข้อมูลตลาดรวมโต 23% เพราะธุรกิจมีผู้เล่นน้อยราย และตลาด ยังเพิ่งเริ่มต้น ขณะที่ช่องทางการขายยอดนิยมของผู้ชายยังเป็นซูเปอร์มาร์เกต ส่วนเคาน์เตอร์เซลเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ด้านช่องทางแมสแข่งดุ ลอรีอัลหันลงสมรภูมิแข่งนีเวีย พร้อมมั่นใจ 1 ปีขึ้นแท่นเบอร์ 1 แซงนีเวีย ฟอร์เมน ส่วนธุรกิจขายตรงก็ไม่น้อยหน้า ค่ายใหญ่แห่เปิดตัวตาม เผยช่องทาง นี้ได้เปรียบในแง่เข้าถึงลูกค้าโดยตรง
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าผู้ชายยุคใหม่อินเทรนด์เกาะกระแสห่วงใยสุขภาพตัวเองไม่แพ้บรรดาคุณผู้หญิง เลย เห็นได้จากหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าฟิตเนส, การเข้าสปา แต่ที่เห็นได้ชัด คือ ตลาดเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายที่แจ้งเกิดและเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 ปีนี้
โดยจากข้อมูลผลการวิจัยของบริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย จำกัด สำรวจผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 15-49 ปี พบว่า 53% ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และกว่า 65% ของกลุ่ม นี้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง ส่วนที่เหลือจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่คนในครอบครัวซื้อให้ ส่วนจำนวนผู้ชายที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าเป็นประจำ มีค่อนข้างสูง และมีส่วนน้อย หรือ 25% ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งจากข้อมูลจะสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ยังไม่พอใจกับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายที่มีอยู่ในตลาด หรือยังไม่ทราบถึงความแตกต่างระหว่างผิวผู้ชายและผิวผู้หญิง
ขณะที่ข้อมูลที่ทางเอซี นีลเส็น ได้ทำการสำรวจตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าเฉพาะของผู้ชายในปี 2548 นี้ พบว่าตลาดรวมมีมูลค่ากว่า 341 ล้านบาทและมีอัตราการโต 23% โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มได้ดังนี้ กลุ่ม มอยส์เจอไรเซอร์หรือบำรุงผิว 80 ล้านบาท และมีอัตราการโต 36% คลีนซิ่งหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 183 ล้านบาท และโต 28% และครีมโกนหนวด 78 ล้านบาทและโต 4%
ทั้งนี้ การที่ตลาดโตส่วนหนึ่งมาจากการที่ตลาดยังใหม่และมีผู้เล่นอยู่ไม่กี่ราย แต่ก็เชื่อว่าอนาคตอันใกล้นี้ตลาดจะมีผู้เล่นแห่กันเข้าชิงเค้กกันมากขึ้น ทั้งในส่วนของตลาดบนหรือช่องทางขายแบบเคาน์เตอร์เซล ตลาดกลาง และตลาด ล่าง รวมถึงช่องทางการขายตรงด้วย
ผู้ชายชอบซื้อเครื่องสำอางในซูเปอร์ฯ
ขณะที่ช่องทางการซื้อเครื่องสำอางของผู้บริโภคชายไทยยังนิยมซื้อ ผ่านช่องทางซูเปอร์มาร์เกตเป็นหลัก เนื่องจากสินค้ามีหลากหลาย หาซื้อได้ง่ายและสะดวก ในการเลือกซื้อ ส่วนช่องทางเคาน์เตอร์เซลก็เป็นช่องทาง หนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากแบรนด์เครื่องสำอางดังๆหลายราย อาทิ ไบโอเธิร์ม ออม, ลังโคม ออม, คลาแร็งส์ เมน, และ ชิเซโด้ เมน เป็นต้น ต่างเริ่มให้ความ สนใจกับตลาดผู้ชายมากขึ้นหรือมีการ จัดมุมสินค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ผู้ชายโดยเฉพาะและเป็นสัดส่วน เคาน์เตอร์เซล ทางเลือกผู้ชายอยากหล่อ
นางวนิดา อัศวลาภศิลป์ ผู้จัดการแผนกการตลาดและการขาย บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า พฤติกรรมผู้บริโภคชายไทยปัจจุบัน จะกล้าเข้ามาซื้อเครื่องสำอางในช่องทางเคาน์เตอร์มากขึ้น เนื่องจากผู้ชายก็ห่วงใยและใส่ใจสุขภาพ ตัวเองไม่แพ้ผู้หญิง โดยปัจจุบันลูกค้า ผู้ชายของชิเซโด้มีมากขึ้นจากเดิมหรือประมาณที่ 20% ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯเตรียมรุกตลาดเครื่องสำอาง สำหรับผู้ชายมากขึ้น ด้วยการจัดกิจกรรมและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขายและขยายตลาด ให้กว้างขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนลูกค้า ผู้ชายปีหน้าจะเพิ่มเป็น 30%
ตลาดแมสแข่งดุ ลอรีอัลท้าชิงนีเวีย
สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผู้ชายในช่องทางแมสหรือซูเปอร์มาร์เกตทั่วไปสามารถหาซื้อได้ง่ายและสะดวกมาก ดังนั้น ช่องทางนี้ จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ชายที่สนใจสุขภาพตัวเอง โดยปัจจุบันค่ายบริษัท ไบเออร์สด๊อร์ฟ ผู้ผลิตและจำหน่ายนีเวีย ฟอร์ เมน ครองความเป็นผู้นำตลาดอยู่ด้วยมาร์เกต- แชร์ 36% รองลงมาเป็นแอ็กซ์ 19% ทรอส 14% อื่นๆ 22% แต่จากความ หอมหวนของตลาดที่มีอัตราการ โตสูงเฉลี่ยปีละกว่า 20% ส่งผลให้ค่ายใหญ่อย่างลอรีอัลอยู่นิ่งไม่ได้ และหันมารุกตลาดนี้ด้วยการส่ง "ลอรีอัล เมน เอ็กซ์เพิร์ท" สู่ตลาด เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เบื้องต้นสินค้าที่ทำตลาดมี 5 รายการ ได้แก่ เจลล้างหน้า ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมดูแลผิวรอบดวงตา เจลบำรุงผิวหน้า และครีมเจลบำรุงผิวหน้า
การลงสมรภูมิของลอรีอัล ครั้งนี้น่ากลัวไม่น้อย เพราะลอรีอัล ได้ทุ่มงบทางการตลาดในการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไว้สูงถึง 50% ของยอดรายได้ทั้งหมด และตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 1 ปีต่อจากนี้จะล้มแชมป์อย่างนีเวีย และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายให้ได้ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มั่นใจว่าจะล้มแชมป์คือ ลอรีอัลเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวผลิตภัณฑ์และแผนการทำตลาดของบริษัท
ขณะที่ผู้นำตลาดอย่างนีเวีย ฟอร์ เมนก็ไม่หยุดนิ่งในการทำตลาดและคิดค้นเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่บริษัทฯเพิ่งเปิดตัวไปเป็นรายแรกของตลาด คือ นีเวีย ฟอร์ เมน ไวเทนนิ่ง ที่เปิดตัวไปเมื่อ ช่วง พ.ค. 48 เนื่องจากทางนีเวีย ได้สำรวจตลาดกลุ่มผู้บริโภคชายไทย พบว่าปัญหาเรื่องผิวหน้าหมองคล้ำเป็นปัญหาอันดับแรกที่ชายไทยกังวล ซึ่งในตลาดผลิตภัณฑ์ เพื่อผิวหน้าขาวยังไม่มีของผู้ชายจะมีแต่ของผู้หญิงเท่านั้น
ปัจจุบันนีเวีย ฟอร์ เมน เป็นผู้นำตลาดเกือบทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบำรุงผิวหน้า ครองแชร์ 100%, คลีนเซอร์หรือทำความสะอาดผิว 32.9% และผลิตภัณฑ์โกนหนวด 21.8% โดยมีเพียงกลุ่มเดียวที่เป็นรองคู่แข่งอย่างยิลเลตต์ คือ กลุ่มครีมโกนหนวด
ทั้งนี้ เครื่องสำอางผู้ชายเปรียบ เสมือนเป็นเทรนด์ที่ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยจะต้องให้ความสนใจไม่มากก็น้อย ซึ่งเทรนด์ นี้เองบรรดาค่ายใหญ่อย่างโอเลย์และพอนด์สต่างก็มีแนวโน้มที่จะเข้า มารุกตลาดเครื่องสำอางชาย โดยใน อนาคตอันใกล้หรือปีหน้าเราอาจจะได้เห็น 2 ค่ายใหญ่เปิดตัวเครื่องสำอาง ฟอร์ เมน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่เป็นเรื่องที่น่าติดตาม
ขายตรงเข้าหาลูกค้า
ด้านช่องทางธุรกิจขายตรงก็คึกคักไม่น้อยหน้าช่องทางอื่น เห็นได้จากค่ายใหญ่ต่างพากันเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายกันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็น แอมเวย์ ที่เปิดตัว ทอลซั่ม (Tolsom) ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปัจจุบันพบว่า ยอดขายรวมมีประมาณ 28 ล้านบาท หรือกิฟฟารีนที่หันมารุกตลาดนี้ด้วยการส่ง "วิส ฟอร์ เมน บาย กิฟฟารีน" ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่นูสกินเอง ก็มีผลิตภัณฑ์ผู้ชายบ้างแต่มีไม่มาก เนื่องจากสินค้าต้องผ่านการพัฒนาและคิดค้นจากบริษัทแม่ก่อน
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในส่วนของช่องทางขายตรงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคชายไทยจะนิยมเลือกซื้อสินค้าเครื่องสำอางผ่านช่องทางนี้ เนื่องจากขายตรงเป็นธุรกิจที่เข้าถึงลูกค้าและมีการนำสินค้าไปเสนอต่อผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเหมาะสมกับพฤติกรรมผู้ชายบางคนที่ไม่กล้า ใช้หรือเลือกซื้อเครื่องสำอางใน ช่องทางอื่น
|
|
|
|
|