|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บล.ฟิลลิป แนะซื้อหุ้น "ซีวีดีฯ" ราคาเหมาะสมที่ 25.12 บาท คาดรายได้รวมปี 49 กว่า 1.1 พันล้านบาท กำไรสุทธิกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% พร้อมมีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยปีหน้าคาดจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 2.50 บาท ด้าน บล.ซีมิโก้ ให้ทยอยสะสม ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 19.88 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป จำกัด ประเมินฐานะการดำเนินงานของบริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CVD ว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 รายได้ของบริษัทมาจากลิขสิทธิ์ของ 3 ค่ายที่มีอยู่ ได้แก่ ค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์มียอดขายสูงสุดราว 205 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 21% รองลงมาเป็นค่ายบัวนาวิต้า 195 ล้านบาท ขยายตัว 17% และโซนี่ พิคเจอร์ฯ ที่ 135 ล้านบาท ลดลง 26% ส่วนที่เหลือมาจากภาพยนตร์จีนและหนังอื่นๆ
หากพิจารณาดูจากแหล่งที่มาของรายได้แล้ว รายได้จากการขายผ่าน ศูนย์เช่าเติบโต 25% มีรายได้ที่ 339.68 ล้านบาท ในขณะที่การขายขาดมีรายได้ลดลง 16% มาอยู่ที่ 370.64 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 48% : 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในสัดส่วน 38% : 62%
สำหรับในปี 2549 คาดว่ารายได้ จากหนังค่ายฟ็อกซ์ บัวนาริต้า และโซนี่ฯ น่าจะดีกว่าปี 2548 บวกกับกระแสหนังโซนเอเชียจากญี่ปุ่นและเกาหลีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น จะทำ ให้มีหนังจากโซนเอเชียเพิ่มขึ้น และจะมีหนังไทยที่นำมาผลิตอีก 24 เรื่องที่มักจะมียอดขายที่สูงกว่า รวมทั้งหนังซีรีส์ออกจำหน่ายมากขึ้น และยังมีการลดราคาขายของหนังเก่า (Back Catalog) จากเดิม 100 บาท เหลือ 70-100 บาท
จากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น บล. ฟิลลิป คาดว่าในปี 2549 CVD จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 6% และมีกำไรสุทธิ 101.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.66% กำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 3.14 บาท
สำหรับการลงทุนใน CVD ให้มองที่เงินปันผลที่ให้ผลตอบแทนในระดับสูง เพราะมีเงินสดและเงินลงทุน ชั่วคราวสูง โดยสิ้นไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อยู่ที่หุ้นละ 11.93 บาท คาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนที่หุ้นละ 1.50 บาท และในปี 2549 จ่ายปันผลที่หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็น Annualize Yield ที่ 16.76% และ 13.97% ตามลำดับ แต่จากสภาพคล่องที่น้อยและกำไรที่ไม่ได้เติบโตสูงนัก จึงให้ P/E ที่ 8 เท่า ราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 25.12 บาท ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อลงทุน
ด้าน บล. ซีมิโก้ แนะนำให้ทยอย สะสม โดยคาดว่าผลตอบแทนเงินปันผล ยังอยู่ในระดับ 9-10% ในปี 2548 - 2549 มูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 19.88 บาท ณ ระดับ P/E Ratio ในปี 2549 ที่ระดับ 9 เท่า โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวจากแนวโน้มเครื่องเล่นวีซีดี-ดีวีดีที่มีราคาถูกลง และจำนวนภาพยนตร์ใหม่ที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี
อย่างไรก็ตาม รายได้จากภาพยนตร์ทำเงินที่อ่อนตัวลงจากปีก่อนทำให้รายได้จากการขายโดยตรง (sell through) ลดลง กอปรกับบริษัทมีต้นทุนค่าลิขสิทธิ์สูงขึ้นทำให้กำไรมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปีก่อน ความสามารถในการทำกำไรที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับรายได้จากภาพยนตร์ทำเงิน เราจึงคาดว่ากำไรในปี 2549 จะเติบโตในอัตราชะลอตัว
บล.ซีมิโก้ประเมินว่า รายได้รวมในปี 2548 จะใกล้เคียงกับปีก่อนคือ อยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท แต่ยอดขายของภาพยนตร์ทำเงินที่อ่อนตัวลงจากปีก่อน และต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ ที่สูงขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 40% ในปี 47 เหลือเพียง 35% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ลดลง 25% จากปี 47
ขณะที่การเปลี่ยนแปลงนโยบาย บัญชี เรื่องค่าใช้จ่ายภาษีจากการบันทึก ตามเกณฑ์คงค้างเป็นการบันทึกตามเกณฑ์สิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี ทำให้ภาระภาษีลดลง กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 67 ล้านบาทในปี 2548 จึงลดลงเพียง 6% จากปี 2547 ขณะที่ในปี 2549 คาดว่า CVD จะมีรายได้เติบโต 10% อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 35% และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 7%
สำหรับผลการดำเนินงานประจำ งวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2548 ที่ผ่านมา CVD กำไรสุทธิ 62.61 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.93 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 52.70 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18.80%
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุดวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ราคา หุ้นยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า โดยมีราคาต่ำสุดที่ 17.90 บาท สูงสุดที่ 18.30 บาท ก่อนจะปรับลดลงมาปิดที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.30 บาท หรือ 1.68% ปริมาณการซื้อขายรวม 74,100 หุ้น มูลค่าการ ซื้อขายรวมทั้งสิ้น 1.34 ล้านบาท
|
|
|
|
|