Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2540
ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล 'ผมบริหารงานไม่เป็น ผมเป็นสื่อสารมวลชน'             
โดย ไพเราะ เลิศวิราม
 

   
related stories

ตั้งบริษัทร่วมทุนเอกชนคัมภีร์ธุรกิจทีวียุคนี้ของช่อง 5 และ 9

   
search resources

สมเกียรติ อ่อนวิมล




"ผมไม่เก่งในเรื่องบริหาร เขาเห็นผมมีชื่อเสียงก็จ้างผมไป ไม่รู้หรอกว่า ผมเป็นอย่างไร กลุ่มวัฎจักรคงไม่รู้จักผมเต็มที่ คิดว่าผมจะเก่ง แต่จริง ๆ แล้วผมไม่เก่ง ผมไม่ได้เป็นนักบริหาร แต่เป็นสื่อสารมวลชน ชอบทำงานโน่นทำนี่ตามใจตัวเอง ผมไม่ชอบทำกำไรให้นายทุนเป็นเป้าใหญ่" ประโยคทองของ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตน หรืออีกนัยหนึ่งสะท้อนปัญหาที่ผ่านมาของเอเชียวิชั่นส์ได้เป็นอย่างดี

ดร.สมเกียรติ ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกข่าวให้กับช่อง 9 และช่อง 5 ทำรายการวิทยุ จ.ส.100 จนเป็นที่นิยมอยู่ในเวลานี้ ซึ่งช่วงเวลาทั้งหมดนี้ ดร.สมเกียรติ ทำงานร่วมกับปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา มาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา และดูเหมือนว่า ปีย์และดร.สมเกียรติ จะเป็นคู่หูในการทำธุรกิจที่ลงตัวมากที่สุด

หากเปรียบแล้ว ดร.สมเกียรติเป็นนักคิด ส่วนปีย์นั้นเป็นนักการตลาด ที่สามารถนำไอเดียที่ ดร.สมเกียรติ ไปวางตลาดได้ บริษัท แปซิฟิก อินเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จึงเติบใหญ่ได้ในวงการสื่อสารมวลชน

แต่แปซิฟิกไม่ใช่ทางเลือกเดียว เมื่อ ดร.สมเกียรติ ได้รับทาบทามจากปิยะณัฐให้มาฟื้นฟูช่อง 11 แต่ปีย์ไม่เอาด้วย เพราะหวั่นเกรงความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่ง ดร.สมเกียรติ นั้นพกพาความฝันไว้อย่างเต็มเปี่ยม ที่อยากให้โทรทัศน์เพื่อสาธารณะเกิดขึ้นในไทย แม้จะไม่มีแปซิฟิกแต่ก็ยังมีนายทุนคนอื่นที่ยังต้องการเข้าสู่ธุรกิจโทรทัศน์

กระนั้นก็ดี ระยะเวลาไม่ถึงปี ดร.สมเกียรติ ก็ต้องเปิดหมวกอำลาจากเอเชียวิชั่นส์ และไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ซึ่งเขาให้เหตุผลว่า เบื่อระบบราชการ และที่สำคัญกลุ่มวัฎจักรขาดเงินทุนหมุนเวียนมาใช้ในการลงทุน

ก็น่าแปลกใจว่า ทำไมก่อนหน้านี้ ดร.สมเกียรติจะไม่รู้หรือว่า การทำช่อง 11 นั้นยังต้องผูกติดกับระบบราชการ

แม้จะผละออกจากเอเชียวิชั่นส์ แต่ไม่ได้หมายความว่า ดร.สมเกียรติ จะละทิ้งแนวคิดการแปรรูปช่อง 11 ให้เป็นโทรทัศน์สาธารณะ แต่ครั้งนี้เขามองไกลไปกว่านั้น

"ผมจึงคิดว่าการร่างรัฐธรรมนูญสบายใจกว่า เพราะมันจะกำหนดกว้าง ๆ ดีกว่าที่เราจะมานั่งต่อสู้ประเด็นปลีกย่อยและไม่มีอำนาจอะไรเลย อย่างคุณปิยะณัฐหากเห็นด้วยกับผมก็สบายใจ แต่ถ้าคุณปิยะณัฐไม่อยู่ และคนที่มาเขาไม่เอาแบบนี้ เรื่องมันก็จบ" ดร.สมเกียรติ สะท้อนแนวคิด

ด้วยบทบาทของการเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดร.สมเกียรติ เสนอแนวคิดโทรทัศน์สาธารณะให้บรรจุอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ

วิธีการก็คือ การดึงคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ที่มีอยู่ในมือของหน่วยงานรัฐ ทั้งวิทยุทหาร กรมประชาสัมพันธ์ อ.ส.ม.ท.กลับคืนมาให้หมด และนำมากองไว้ตรงกลาง และให้มีกรรมการกลาง เหมือนกับองค์กรกลางที่ประชาชนและรัฐบาลทำร่วมกันนำมาจัดสรรใหม่ และแบ่งให้กับหน่วยงานรัฐตามความจำเป็นในการใช้งาน

ส่วนที่เหลือก็ต้องนำไปใช้ประโยชน์เพื่อประชาชน โดยให้ทุกจังหวัดต้องมีทีวี 1 ช่องและวิทยุ 1 คลื่น แะลในการทำทีวีหรือวิทยุ จะต้องมีคนในจังหวัดนั้น ถือหุ้นเกินครึ่ง ที่เหลืออีก 40% จะให้คนนอก เช่น โทรทัศน์จากส่วนกลาง หรือกลุ่มเอกชน มาถือหุ้น เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนรายการ และสนับสนุนในเรื่องเงินลงทุน และโครงสร้างบริหาร

ทำในลักษณะของโทรทัศน์สาธารณะแบบบีบีซี หรือเอ็นเอชเค ของญี่ปุ่น ที่เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ขึ้นอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานรัฐ

ดร.สมเกียรติ ยอมรับว่า แนวคิดของเขาย่อมต้องได้รับการคัดค้านจากหน่วยงานรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานทหาร กรมประชาสัมพันธ์ หรือ อ.ส.ม.ท. ที่ครอบครองคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ในมือ และต้องสูญเสียผลประโยชน์เป็นจำนวนมาก

หลังจากผละจากเอเชียวิชั่นส์ แต่เขายังไม่ทิ้งแนวคิดโทรทัศน์สาธารณะ แต่คราวนี้ เขามาไกลกว่านั้น เสนอไว้ในร่างรัฐธรรมนูญให้ยึดคลื่นคืนมาใส่ตระกร้าล้างน้ำ

ดังนั้น การประมูลยูเอชเอฟ ช่องที่ 2 ดร.สมเกียรติ จึงมองว่า การรีบผลักดันให้มีการประมูลก็เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างหนึ่ง ซึ่งหากประกาศใช้ได้จริง ก็จะมีผลให้คลื่นทั้งหมดถูกส่งคืนกลับมา รวมทั้งคลื่นยูเอชเอฟด้วย

อย่างไรก็ดี ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่มีผลย้อนหลัง แต่จะรอจนกระทั่งหมดอายุสัญญาที่ทำไว้กับเอกชน และหลังจากนั้น จึงจะนำมาจัดสรรกันใหม่

ในอีกไม่ช้า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องคลื่นโทรทัศน์และวิทยุเสร็จสิ้น ก็คงได้เห็นกันว่า ฝันของการทำโทรทัศน์เพื่อสาธารณะของ ดร.สมเกียรติ จะเป็นจริงได้หรือไม่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us