เปรียบเปรยไปแล้ว ก็ดูเหมือนจะเข้าข่าย "คาวบอยมาช้า" เพราะซิลิกอน
กราฟิกส์ เพิ่งเข้ามาตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศไทย เพื่อเปิดเกมรุกด้านการตลาดอย่างจริงจัง
แต่คาวบอยมาช้ารายนี้ก็น่าจะมี "ของดี" มาแข่งขันในตลาดเซิร์ฟเวอร์
อันเป็นทิศทางใหม่ของบริษัท
จุดขายสังเกตได้จากการที่ฮาร์ดแวร์ของบริษัทนี้ ทำงานกราฟิกสามมิติได้อย่างสวยสดงดงาม
ในภาพยนตร์ เช่น DIAMOND HARD, TERMINATOR TWO, JURASSIC PARK และ TOY STORY
กราฟิกสามมิติหรือระบบ 3D รวมทั้งระบบเสมือนจริงที่เรียกกันว่า VR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง
ๆ อีกมากมาย ทั้งในระบบเครือข่ายภาพในองค์กร อินเตอร์เน็ต ในด้านการแพทย์
และการศึกษา
ในปี 2540 เมื่อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของซิลิกอน กราฟิกส์ กรีธาทัพเข้าสู่ตลาดวิสาหกิจทั่วไป
ก็เท่ากับว่า หน้าจอคอมพิวเตอร์ ตลอดจนการประมวลผลในโลกดิจิตอล จะไปสู่ระบบสามมิติและเสมือนจริงมากขึ้น
"ของดี" ของคาวบอยมาช้ารายนี้ จึงอยู่ที่ฮาร์ดแวร์ของตนเองสามารถทำงานในด้านนี้ได้ดีกว่าใคร
สอดคล้องกับทิศทางโลกที่การแสดงผลจะเป็นกราฟิกมากขึ้น เป็นระบบ 3D และวีอาร์
ศรีทอง เจริญกรวิจิตร จึงหมายกระตุ้นตลาด โดยส่งเสริมบริษัทซอฟต์แวร์ด้านวีอาร์ให้เข้ามาทำตลาดในไทยด้วย
เพราะทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์นี้ต้องก้าวไปด้วยกัน
ระบบสามมิติสำคัญเช่นไร ยกตัวอย่างได้ง่าย อินเตอร์เน็ตมีจุดขายอยู่ประการหนึ่ง
คือ ดีไซน์โฮมเพจ หากสามารถดีไซน์โฮมเพจให้เป็นแบบสามมิติได้ ก็สามารถเรียกร้องความสนใจจากลูกค้าได้มาก
"เคเอสซี คอมเน็ต" ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตรายหนึ่งก็เริ่มให้บริการด้วยระบบสามมิติแล้วด้วยเครื่องของซิลิกอน
กราฟิกส์
สำหรับบริษัทซอฟต์แวร์ที่เก่งกาจในเรื่องวีอาร์นั้น มักจะอยู่ในยุโรป เช่น
บริษัทโปรซีเวีย ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ภาพเสมือนจริงอันดับ 1 ของโลก
ตั้งอยู่ในสวีเดน
วีอาร์ มักจะถูกมองว่า เป็นของเล่น แต่อันที่จริงประโยชน์มีมากมายในด้านการแพทย์
สามารถทำภาพแสดงสรีระต่าง ๆ เพื่อทดลองทำการผ่าตัด หรือแสดงภาพรถยนต์โดยละเอียดทั้งภายใน/ภายนอก
ผู้ใช้รถยนต์ที่มีแอพพลิเคชั่นนี้สามารถซ่อมแซมรถได้ด้วยตนเอง
เมื่ออุตสาหกรรมแทบทุกอย่างสามารถนำระบบสามมิติและวีอาร์ไปใช้ประโยชน์ตลาดจึงใหญ่มาก
แต่เฉพาะหน้าซิลิกอนฯ ก็คงเน้นเพียงตลาดองค์กร ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ของซัน ไมโครซิสเต็มส์,
ฮิวเลตต์ แพคการ์ด และดิจิตอล อิควิปเมนท์ ยึดครองตลาดอยู่แล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่คาวบอยมาช้า จะฝ่าด่านเหล่านี้ไปได้ในเวลาเพียง 2-3
ปี แต่ก็เชื่อได้ว่าบริษัทนี้จะเป็นสีสันใหม่ที่น่าสนใจ เพราะบุคลิกและวัฒนธรรมองค์กรดูลงตัวกับผู้บริหารรุ่นใหม่ได้ง่าย
คือ มีลักษณะเป็นอาร์ติสต์ ทันสมัย ฉับไว และอ่านอารมณ์มนุษย์ดิจิตอลได้เก่งทีเดียว