"ไพบูลย์" บิ๊ก "ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง" ออกโรงปฏิเสธทิ้งหุ้น จนทำให้ราคาหลุดจอง พร้อมยืนยันหุ้นในส่วนผู้บริหาร-กรรมการ-พนักงานติดไซเลนต์พีเรียด อ้อนนักลงทุนรายย่อยให้เชื่อมั่นและถือหุ้นระยะยาว โชว์กำไร 9 เดือน โตก้าวกระโดด 100% ขณะที่ ก.ล.ต. เผยผู้บริหารซื้อหุ้นหลังเข้าซื้อขายเป็นวันแรก เกือบ 8 แสนหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังดิ่ง ล่าสุดต่ำกว่าราคาจองแล้ว 27.78%

จากกรณีที่หุ้นของบริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ UEC ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองซื้อที่หุ้นละ 8.10 บาท ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังขาว่า อาจจะมีกรรมการผู้บริหารและพนักงานเทขายหุ้นออกมานั้น

นายไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานกรรมการ บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ UEC กล่าวยืนยันว่า ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทไม่ได้มีการขายหุ้นออกมาแต่อย่างใด เนื่องจากหุ้นที่จัดสรรให้กับกลุ่มดังกล่าวติดไซเลนต์พีเรียดตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดังนั้นขอให้นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นของ UEC เชื่อมั่นและลงทุนในระยะยาว

ทั้งนี้บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัทมีรายได้รวม 882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 100%

ผมไม่มีนโยบายซื้อหรือขายหุ้น เพื่อเก็งกำไรในบริษัทที่บริหารงานอยู่ เพราะผมเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทว่าจะเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต สำหรับราคาหุ้น UEC ขณะนี้ถือว่าต่ำมาก ซึ่งไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง นอกจากผมไม่ได้ขายหุ้น UEC แล้ว ผมยังได้เข้าไปซื้อหุ้น UEC จากตลาดอีก การซื้อหุ้นทุกครั้งผมได้รายงาน ก.ล.ต.ทราบตามกฎที่วางไว้ซึ่งสามารถตรวจสอบได้" นายไพบูลย์กล่าว

ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่ UEC เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นายไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานกรรมการ UEC ได้เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 775,000 หุ้น ที่ราคา 6.91 บาท

สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น UEC ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และในวันแรกเองราคาหุ้นได้มีการซื้อขายต่ำกว่าราคาเสนอจองที่ 8.10 บาท ล่าสุด วานนี้ (1 ธ.ค.) ราคาหุ้นมีการซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่าหุ้นละ 6 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 5.85 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.40 บาท หรือคิดเป็น 6.40% และเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาจองถึง 27.78%