|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แอสคอทท์ จับมือ บูติค กรุ๊ป รุกตลาดโครงการ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ผุด 5 โครงการ 500 ห้อง ภายในปี 2553 ภายใต้จับแบรนด์ ซิทาดินส์ เน้นจับตลาดระดับกลาง ระบุไทยศักยภาพสูงสุดด้านการท่องเที่ยวการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย หลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิปี 49 ชี้ฮับการบินในภูมิภาค และศูนย์กลางลงทุนของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง แม่เหล็กสำคัญ
นายปรับ ชะรัน ซิงห์ ทักราล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บูติค กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมลงทุน กับกลุ่มแอสคอทท์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในต่างประเทศทั่วโลก เปิดตัวบริษัท บูติคแลนด์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ในกรุงเทพฯ โดย บริษัท บูติคแลนด์ ที่ตั้งขึ้นมานี้ใช้ทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ประกอบด้วย กลุ่มแอสคอทท์ 49% และ บูติคกรุ๊ป ถือหุ้น 51% โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงการ 5 แห่ง จำนวน 500 หน่วย ภายในปี 2553 ทั้งนี้ การลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในแต่ละโครงการ จะใช้วิธีเปิดบริษัทใหม่ขึ้นมาพัฒนาแต่ละโครงการ โดยใช้เงินลงทุนในการพัฒนาต่อโครงการประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับโครงการแรกที่พัฒนาขึ้นภายใต้การดำเนินการของ บูติคกรุ๊ป จะใช้ชื่อโครงการ ซิทาดินส์ โดยมีรูปแบบการพัฒนาโครงการเป็น เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 16 ซึ่งขนาดของห้องพักที่จะมีการพัฒนาจะมีขนาดห้อง 33 ตารางเมตร และมีราคาค่าเช่า 35,000 บาทต่อเดือน หรือ 1,600 บาทต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2549 โดยการบริหารจัดการในทุกโครงการที่พัฒนาขึ้น จะอยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มแอสคอทท์ โดยในช่วงแรกแอสคอทท์จะเข้ามาบริหารจัดการเป็นระยะเวลา 10 ปี และอาจจะต่อสัญญาในการบริหารต่อ ซึ่งการต่อสัญญานั้นจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงทั้ง 2 ฝ่าย
ด้านนายหลิว หมั่น เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปปิตอล แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มแอสคอทท์ กล่าวถึงการลงทุนในประเทศไทยว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากในปี 2549 หลังจากที่ประเทศไทยเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฮับการบิน หรือเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงนักลงทุน นักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาในไทยจำนวนมาก
นอกจากนี้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางลงทุนของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง จึงทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการลงทุนสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยปัจจุบันมีห้องพักกว่า 1,300 ห้อง จากจำนวนการเปิดโครงการ 6 แห่ง ภายใต้ชื่อ ดิแอสคอทท์ และซัมเมอร์เซท แบรนด์ ดิแอสคอทท์ จะเน้นจับกลุ่มตลาดผู้บริหารระดับสูง ส่วนแบรนด์ ซัมเมอร์เซทจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ที่มีครอบครัว และล่าสุด ซิทาดินส์ จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าตลาดระดับกลาง คนรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยว
"การลงทุนในซิทาดินส์นับว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพของกลุ่มแอสคอทท์ ผู้ให้บริการห้องพักนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 1,300 ห้อง 6 แห่ง ได้แก่ แอสคอทท์สาทร ซัมเมอร์เซท เลคพ้อยท์ซัมเมอร์เซท พาร์ค สวนพลู ซัมเมอร์เซท สุวรรณ พาร์ค วิวซัมเมอร์เซท แกรนด์สุขุมวิท และออมนิ ทาวเวอร์ ส่วนแบรนด์ ซิทาดินส์ จะพัฒนาที่ สุขุมวิท 16 เป็นแห่งแรกจำนวน 79 ห้อง คาดว่าสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในครึ่งหลังของปี 2006 ซึ่งจะอยู่ภายใต้การบริหารโดย แอสคอทท์ เป็นเวลา 10 ปี สำหรับแอสคอทท์มีห้องพักทั่วโลกกว่า 15,000 ห้อง ใน 40 เมืองใหญ่ 17 ประเทศ ครอบคลุมยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง และซิทาดินส์มากกว่า 5,000 ห้อง ในประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยียม เยอรมนี และสเปน" นายหลิวกล่าว
นายหลิวกล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มแอสคอทท์ ครองตลาดกว่า 20% ในกลุ่มลูกค้าตลาดบนภายใต้แบรนด์แอสคอทท์ และซัมเมอร์เซท สำหรับซิทาดินส์ซึ่งมีชื่อเสียงมากในยุโรป การร่วมทุนครั้งนี้จะเพิ่มความหลากหลายให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะครอบคลุมไปทุกตลาด ในขณะเดียวกันแอสคอตจะเพิ่มความแข็งแกร่งของซิทาดินส์โดยคำนึงถึงความยืดหยุ่นและสมราคาในการเปิดตัวทั่วทวีปเอเซีย ซึ่งจะมีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับท้องตลาด
ด้านนายคาร์เมรอน ออง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอสคอทท์ สาทร กล่าวว่า แอสคอทท์ และซัมเมอร์เซทได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในหมู่นักธุรกิจ ในขณะที่ซัมเมอร์เซทเป็นที่นิยมสำหรับนักธุรกิจที่เดินทางกับครอบครัว ในปัจจุบันมีความต้องการในตลาดของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งซิทาดินส์จะเข้ามาเติมช่องว่างในตลาดนี้ ซึ่งห้องพักจะมีขนาดเล็กลงและคุ้มค่า ซึ่งจะเหมาะกับนักธุรกิจในกลุ่มตลาดนี้ เพราะซิทาดินส์ที่สุขุมวิท 16 จะเป็นห้องแบบสตูดิโอและมีรูปแบบการบริการให้เลือกหลายแบบซึ่งจะทำให้ลูกค้าจ่ายเฉพาะส่วนที่ความต้องการ
ทั้งนี้ เนื่องจากซิทาดินส์สุขุมวิท 16 จะอยู่ใจกลางย่านธุรกิจสุขุมวิทใช้เวลาเดิน 5 นาที เพื่อขึ้นรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดิน และใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเพียง 40 นาที นอกจากนั้นยังอยู่ใจกลางย่านบันเทิง ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ สถานทูต และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
อนึ่ง แอสคอทท์ กรุ๊ป เป็นบริษัทซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เป็นบริษัทในเครือ แคปปิตอล แลนด์ จำกัด บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในการให้บริการเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ โดยตั้งอยู่ในเมืองสำคัญทั้งยุโรป เอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง ปัจจุบันแอสคอทท์มีห้องพักใน 40 เมืองหลักใน 17 ประเทศ ซึ่งรวมถึงลอนดอน ปารีส บรัสเซลส์ เบอร์ลิน และบาร์เซโลนา ในยุโรป สิงคโปร์ กรุงเทพฯ ฮานอย กัวลาลัมเปอร์ โตเกียว โซล เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง ในทวีปเอเชีย ซิดนีย์ เมลเบิร์น และโอกแลนด์ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ แอสคอทท์ กรุ๊ปได้เปิดทำ การมากว่า 21 ปี โดยได้รับการยอมรับทั่วโลกใน คุณภาพการบริการ ปัจจุบันทั้งแอสคอทท์ ซัมเมอร์เซท และซิทาดินส์ ได้รับรางวัลระดับโลก มากมายทั้งในจีน เอเชีย
|
|
|
|
|