|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กองทุน SME เล็งรับผลตอบแทน จากการลงทุนปีหน้า หลังผู้ประกอบการ 3 รายเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังนำเงินไปลงทุนต่อในช่วงที่เหลืออีก 4 ปี พร้อมระบุกรกฎาคมปี 2549 เตรียมขนเงินร่วมลงทุน กับเอสเอ็มอีเพิ่มอีก 100 ล้านบาท เพื่อให้ครบ800 ล้านบาทตามเป้า
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมเพื่อร่วมลงทุนในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (กองทุน SME) เปิดเผยว่า กองทุนได้ร่วมลงนามในการร่วมลงทุนและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกจำนวน 5 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เอสโก้ เวนเจอร์ จำกัด, บริษัท ราชาคีรี รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด, บริษัท สบายา กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เซริบรัม ดีไซน์ จำกัด และบริษัท ซินโค่ ลิฟวิ่ง จำกัด โดยวงเงินที่ร่วมลงทุนดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 46.40 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท เอสโก้ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน กองทุนได้ร่วมลงทุนจำนวน 900,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวจะเริ่มลงทุนในโครงการแรกสำหรับโรงงานไฟฟ้าพลังงานไอน้ำที่จังหวัดจันทบุรี บริษัท ราชาคีรี รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจให้บริการที่พักประเภทรีสอร์ต บริเวณหาดนายเพลา จังหวัดนครศรีธรรมราช กองทุนได้ร่วมลงทุนจำนวน 10 ล้านบาท บริษัท สบายา กรุ๊ป จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการที่พักประเภทรีสอร์ตเช่นกัน โดยกองทุนได้ร่วมลงทุนจำนวน 4.5 ล้านบาท
บริษัท เซริบรัม ดีไซน์ จำกัด ประกอบธุรกิจพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ในด้านของ Product Develoment Design กองทุนได้ร่วมลงทุน จำนวน 4 ล้านบาท และบริษัท ซินโค่ ลิฟวิ่ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจออกแบบและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในสวน โดยกองทุนได้ร่วมลงทุนจำนวน 2.9 ล้านบาท
นางวิวรรณ กล่าวว่า การร่วมลงทุนในครั้งนี้ ทำให้กองทุนได้เข้าไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแล้วทั้งหมด 71 บริษัท รวมมูลค่าทั้งหมด 693.81 ล้านบาท จากเงินลงทุนทั้งหมดที่มีแผนจะร่วมลงทุน 800 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนที่เหลือ อีกประมาณ 100 ล้านบาทนั้น กองทุนจะทยอยเข้าไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการให้ครบ 800 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าไว้ภายในช่วงเดือนกรกฎาคม ของปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการได้อีกประมาณ 10 ราย
ทั้งนี้ ในปีหน้ากองทุนมีแผนที่จะนำบริษัทที่กองทุนร่วมลงทุนอยู่ เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จำนวน 3 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บริษัท แจแปนเรนท์ คาร์ จำกัด บริษัท แบล็กแคนยอน จำกัด และบริษัท โกลเด้นมายล์ จำกัด ซึ่งในส่วนของบริษัท แจแปนเรนท์ คาร์นั้น ได้ยื่นข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้ว ส่วนอีก 2 บริษัทที่เหลือนั้นจะเตรียมยื่นในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัท แจแปนเรนท์ คาร์นั้น มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปีนี้ แต่เนื่องจากภาวะการลงทุนที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้ต้องชะลอแผนการเข้าจดทะเบียน ดังกล่าวไปเป็นปีหน้าแทน ส่วนจะเป็นช่วงใดนั้น คงจะต้องรอดูจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมอีกครั้ง
นางวิวรรณกล่าวว่า หลังจากกองทุนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปีหน้าแล้ว กองทุนก็จะเริ่มมีผลตอบแทนกลับมา ทั้งจากการขายหุ้น และการจ่ายปันผลที่จะต้องได้รับอยู่แล้ว ซึ่งผลตอบแทนที่ได้กลับมานั้น ก็จะเป็นเงินหมุนเวียนในการเข้าไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายอื่นๆ ต่อไป
"เราตั้งเป้าว่าปีที่ 6-7 กองทุนน่าจะเริ่มมีผลตอบแทนกลับมา และสามารถเริ่มลงทุนกับผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ได้อีก ในช่วงการลงทุน ที่เหลืออีกประมาณ 4 ปีกว่าๆ จากอายุกองทุนที่กำหนดไว้ 10 ปี" นางวิวรรณกล่าว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุการที่กองทุนเข้าไปลงทุนได้ค่อนข้างช้า เนื่องมาจากต้องใช้เวลาในการพิจารณาเพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพจริงๆ ก่อนที่กองทุนจะเข้าไปร่วมลงทุนหรือสนับสนุน ประกอบกับเงินลงทุนในแต่ละบริษัทนั้นค่อนข้างน้อย เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีทุนจดทะเบียนไม่มากนัก ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กองทุนสามารถร่วมลงทุนได้ไม่เกิน 50% เท่านั้น เพราะหากลงทุนมากกว่านี้กองทุนก็จะกลายเป็นเจ้าของกิจการแทน
|
|
|
|
|