"ทีซีแอล" เครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนรุกตลาดไทยหนักขึ้น ปีหน้าเตรียมเทงบกว่า 200 ล้านบาทเร่งสร้างแบรนด์เปิดตัวสินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะกลุ่มทีวีเตรียมเปิด 17 รุ่น และโฟกัสที่สินค้าไฮเอนด์ เผย โปรเจกต์ใหญ่ปีหน้าจับมือทศภาคเป็นสปอนเซอร์บอลโลก 2006 เล็งเพิ่ม ช่องทางขายผ่านเซเว่นฯและขยายฐาน สู่คนกรุงเทพฯผ่านโมเดิร์นเทรด ตั้งเป้า ยอดรายได้ปีหน้าโต 100% หรือกว่า 2 พันล้านบาท
นายแอนสัน เชิง กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ทีซีแอล อีเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การ ดำเนินธุรกิจในปีหน้าบริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่หลายรายการและมีแผนสร้างแบรนด์ทีซีแอลมากขึ้น เพื่อต้องการเปลี่ยนความคิดของผู้บริโภคคนไทยที่คิดว่าสินค้าที่มาจากจีนไม่มีคุณภาพ โดยจุดเด่นของทีซีแอลคือ สินค้ามีคุณภาพ ราคาไม่แพง และมีการ บริการที่ดี ขณะที่นโยบายการบริหาร งานจะเน้นการเป็นที่ 1 ใน 4 ด้าน อาทิ ผลิตภัณฑ์, การบริการ, ลูกค้า และการส่งเสริมการขาย
"เป้าหมายต้องการเป็นอันดับ 1 ในตลาดทีวีสี และไวต์ กู้ด โปรดักต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งบริษัทฯมั่นใจที่มีพื้นฐานดี และเป็นบริษัทผลิตทีวีที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก โดยบริษัทฯมียอดขายทีวีทั่วโลกปีละกว่า 20 ล้านเครื่อง นอกจากนี้ยังมี แผนผลักดันสินค้าไอทีให้เป็นสินค้าแนวหน้าของไทย"
นายเมธา โรจนชัยชนินทร รองผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ทีซีแอล อีเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทฯเตรียม ใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาทเพื่อสร้างแบรนด์ทีซีแอลอย่างจริงจังด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการและจะเน้นที่สินค้าไฮเอนด์ อาทิ ทีวี 17 รุ่น แบ่งเป็น โทรทัศน์จอแอลซีดี 9 รุ่น ,จอพลาสมาเปิดตัว 2 รุ่น และจอซีอาร์ที 9 รุ่นแบ่งเป็นขนาดจอ 14 นิ้ว 2 รุ่น และขนาด 21 นิ้ว 5 รุ่น นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่น เช่น เครื่องปรับอากาศ, ไมโครเวฟ และเตารีด เป็นต้น
"ราคาสินค้าของทีซีแอลมีราคาถูกกว่าแบรนด์จากญี่ปุ่นและเกาหลีถึง 10% ซึ่งที่ผ่านมาแบรนด์ดังอย่างโซนี่หันมาดัมป์ราคาลงมาเล่นกับเรา ตรงนี้ กระทบบ้างแต่ไม่มาก"
นายเมธากล่าวด้วยว่า ในปีหน้า บริษัทฯยังมีโปรเจกต์ใหญ่ที่ทำร่วมกับบริษัท ทศภาค จำกัด ในการเป็นผู้สนับสนุนหลักถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ ซึ่งทีซีแอลจะซัปพอร์ตในเรื่องอุปกรณ์สื่อสาร เช่น จอทีวี และระบบไอทีวี เป็นต้น
ประกอบกับบริษัทฯเตรียมขยาย ฐานลูกค้ากรุงเทพฯมากขึ้นผ่านทางช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งปีหน้าคาดการณ์ว่าตลาดนี้จะโตขึ้น 30-40% ปัจจุบันลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯมี 30% และต่างจังหวัด 70% ปีหน้าคาดว่าสัดส่วนลูกค้าจะเปลี่ยนไป เป็น 50:50 รวมถึงเตรียมขยายสาขาเพิ่ม 3 แห่งไปยัง จ.นครราชสีมา,พิษณุโลก และสงขลา เพื่อการทำตลาดและการบริการจะได้ครอบคลุมลูกค้า ปัจจุบันบริษัทฯมีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่กรุงเทพฯ และ 3 สาขาย่อยอยู่ที่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช
เล็งขยายจุดขายผ่านเซเว่นฯ
บริษัทฯยังได้มีการร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ เบียร์ช้าง, อีวีเอส และเซเว่นอีเลฟเว่นในการทำตลาดด้านต่างๆ อาทิ ทำกิจกรรมหรือการขยายช่องทางการขายผ่านเซเว่นฯที่มีร้านกว่า 3 พันแห่งทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทดลองตลาดไปบ้างแล้วในการนำสินค้าบางรายการ เช่น เอ็มพี 3 และโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ขายผ่านทางแค็ตตาล็อกของเซเว่นฯ ซึ่งได้รับการตอบรับดี ดังนั้น แผนต่อไปของบริษัทฯจึงมีโครงการนำสินค้าบางรายการมาแสดงหรือขายในเซเว่นฯ
ขณะที่งบในการทำตลาดปี 2549 บริษัทฯเตรียมไว้ประมาณ 50-100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสื่ออะโบฟ เดอะ ไลน์ 50% ผ่านสื่อต่างๆ อาทิ ภาพยนตร์โฆษณาที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า และบีโลว์ เดอะไลน์ 50% ที่จะทำกิจกรรมทั้งอีเวนต์และกิจกรรม ณ จุดขาย
สำหรับยอดรายได้ปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ 1 พันล้านบาท โดย รายได้หลักกว่า 75% มาจากหมวดเอวีหรือภาพ ส่วนปีหน้าคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 100% หรือประมาณ 2 พันล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มเอวี 60% และที่เหลือเป็นสินค้ากลุ่มอื่น เช่น สินค้าไอที, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน บ้าน เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทฯมีส่วนแบ่งทางการตลาดทีวี 10% และอยู่อันดับ 4-5 ในตลาด ส่วนเครื่องมือสื่อสารมียอดขาย 2 หมื่นชิ้น และเครื่องใช้ภายในบ้านมียอดขาย 1 หมื่นชิ้น ปีหน้าบริษัทฯคาดว่ามาร์เกตแชร์ทีวีจะเพิ่มเป็น 15% จากการทำตลาดมากขึ้น โดย บริษัทฯมั่นใจว่าภายใน 3 ปีนี้จะก้าวขึ้น มาอยู่อันดับ 3 จากปัจจัยความพร้อม ภายในของบริษัทฯและปัจจัยภายนอกในเรื่องคู่ค้าหรือดีลเลอร์ที่มีกว่า 300 รายทั่วประเทศ และคาดว่าจะเพิ่ม เป็น 400 รายในปีหน้า
|