"พฤกษา" เบียดคู่แข่งประมูลซื้อที่ดินแปลงใหญ่จากแบงก์นครหลวงไทย(สคิบ) จำนวน 738 ไร่ มูลค่าลงทุน 628 ล้านบาท เตรียมพัฒนาบิ๊กโปรเจกต์เจาะกลุ่มคนซื้อระดับล่างโซนสุวรรณภูมิ-คนเช่าอพาร์ตเมนต์-แรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปู เน้นพัฒนาทาวน์เฮาส์บีโอไอแค่ 6 แสนบาท พ่วงบ้านเดี่ยวต่ำ 2 ล้านบาท ระบุปี 48 โอนบ้านให้ลูกค้า 6,000 หลัง ยันนักลงทุนต่างชาติสนหุ้นเพิ่มทุนพฤกษา
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) PS เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดในทำเลสุวรรณภูมิว่า ยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีกลุ่มแรงงานที่เข้ามาทำงานในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิและในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นหลังการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ และบริษัทมีแผนที่จะลงทุนโครงการใหม่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่พัฒนาโครงการ มา โดยล่าสุดได้ประมูลที่ดินแปลงใหญ่จากธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) SCIB ติดนิคมอุตสาหกรรมบางปู เนื้อที่ 738 ไร่ ราคาที่ประมูลได้ประมาณ 628 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 8.5 แสนบาทต่อไร่ ขณะที่ราคาปกติจะอยู่ที่ 1.5-2 ล้านบาทต่อไร่
"ที่ดินแปลงนี้ถือได้ว่ามีศักยภาพในการลงทุนโครงการใหม่ เนื่องจากห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 กิโลเมตร ประกอบกับอยู่ใกล้แหล่งกำลังซื้อขนาดใหญ่ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและนิคม โดยรอบ ซึ่งโครงการที่พัฒนาจะเน้นตลาดระดับล่าง มากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ที่ส่วน ใหญ่จะพัฒนาบ้านระดับบนโดยที่ดินดังกล่าวจะสามารถรองรับการพัฒนาโครงการของบริษัทได้นาน ถึง 3-4 ปี" นายทองมากล่าว
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจ กล่าวเสริมว่า ที่ดินที่ชนะประมูลได้ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่พัฒนาโครงการมา ซึ่งเฉลี่ยแต่ละโครงการจะพัฒนาบนเนื้อที่ประมาณ 100-300 ไร่ โดยตามแผนที่วางไว้ จะแยกการพัฒนาออกเป็น 2 รูปแบบ หลักๆ จะเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์พฤกษา ซึ่งได้รับสิทธิการส่งเสริมการลงทุนจากBOI ระดับราคาที่เสนอขาย 6 แสนบาท เนื้อที่ 18 ตารางวา 3 ห้องนอน อัตราการผ่อนของลูกค้าที่ซื้อจะอยู่ที่ 3,000-3,500 บาทต่อเดือน และโครงการบ้านเดี่ยวราคาถูก ระดับราคา 1.7-2 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะสามารถเปิดโครงการอย่างเป็นทางการภายในครึ่งแรกของปี 2549 โดยใช้เงินระดมทุนที่ได้จากการเสอนขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนจำนวน 425 ล้านหุ้น หุ้นกรีนชู ออปชัน 42.5 ล้านหุ้น โดยเสนอขายที่ราคา 4.10 บาท ทำให้บริษัทได้เงินระดมทุน 1,916.78 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์ของการใช้ในปี 2549 แยกเป็น ซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการในอนาคต 1,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะไปใช้พัฒนาโครงการที่ดินที่ชนะประมูลมา, สร้างโรงงานผลิตห้องน้ำสำเร็จรูปปูกระเบื้องแล้วเสร็จ พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ 120 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4 ปี 49 ชำระเงินกู้สถาบันการเงิน 300 ล้านบาท และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียนภายในบริษัท
"พฤกษาไม่ใช่เพิ่งเข้ามาบุกเบิกตลาดในโซนสุวรรณภูมิ แต่ได้เข้ามานานแล้ว โดยพบว่ากำลังซื้อระดับล่างเป็นกลุ่มที่เติบโตและมีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และเมื่อพัฒนาแล้วลูกค้าจะให้การตอบรับโครงการของบริษัท เนื่องจากราคาเหมาะสมกับกำลังซื้อ ขณะเดียวกันคนอีกกลุ่มที่เช่าอพาร์ตเมนต์จะหันมาซื้อบ้านของพฤกษาเพราะไม่สูงเกินไป และผ่อนในอัตราที่ใกล้เคียงกับผ่อนค่าห้องพัก"นายประเสริฐกล่าว
อนึ่ง ตามข้อมูลในหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหุ้นสามัญฯ ระบุว่า บริษัทมีโครงการที่เปิดขายในบริเวณเทพารักษ์/สมุทรปราการ ภายใต้ชื่อโครงการ บ้านพฤกษา 15 ซึ่งเป็นบ้าน BOI เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงล่าง เนื้อที่ 404 ไร่ จำนวน 3,244 หน่วย มูลค่า 2,716 ล้านบาท โครงการมีความคืบหน้า 88% โดยมีจำนวนยอดจอง 3,046 หน่วย มูลค่า 2,509 ล้านบาท จำนวนที่โอน 2,090 หน่วย มูลค่า 1,783.6 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้จากการขาย 5,366.3 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของรายได้จากโครงการบ้านทาวน์เฮาส์ ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI มีสัดส่วน 27%
ขณะที่บ้านเดี่ยวแบรนด์ภัสสรยังคงเติบโต ซึ่ง ช่วง 6 เดือนส่วนแบ่งตลาดได้ขยับมาอยู่ที่ 3.7% จาก ระดับ 1.3-1.6% ในช่วงปีที่ผ่านมา ระดับหนี้สินต่อทุน (D/E) ตามข้อมูลงวด 9 เดือนอยู่ที่ 0.83 เท่า และจะยึดหลักนโยาบไม่ให้ D/E เกิน 1 เท่า และทั้งปีนี้จะสามารถส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ประมาณ 6,000 หลัง
นายประเสริฐกล่าวต่อถึงความคืบหน้าของ แคมเปญที่ร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ว่า ลูกค้าให้ความสนใจจำนวนมาก โดยเฉพาะแคมเปญ รูปแบบที่ 2 คือ ลูกค้าที่จองใหม่เฉพาะการซื้อบ้านพร้อมอยู่ใน 8 โครงการ ภายในเดือนพ.ย.และโอนภายในเดือน ธ.ค.นี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ได้รับดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 12 เดือน นั้นมียอดใหม่เข้ามาถึง 200-300 ล้านบาท
|