ตลท.แขวนเอสพีหุ้นปิคนิค พร้อมจี้ให้ชี้แจงประเด็นใช้หนี้ตั๋วแลกเงินเพิ่มเติม การใช้เงินเพิ่มทุนการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ เอเจเอฟ ได้รับชำระหนี้แล้วเชื่อไม่กระทบภาพรวมอีกรอบ เหตุตลาดรับรู้ข่าวแล้วและนักลงทุนเข้าซื้อตั๋วบีอีลดลงแล้ว หลังก.ล.ต.คุมเข้ม
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้ง ว่าตามที่ บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) ได้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับภาระหนี้กับสถาบันการเงินเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 48 ว่าภาระหนี้ตั๋วแลกเงินเงินขายลด 2,050 ล้านบาท ซึ่งชำระคืนแล้ว 1,540 ล้านบาทและมียอดคงค้าง 510 ล้านบาท บริษัทจะได้ทยอยชำระคืนต่อไป ขณะที่ตั๋วสัญญาใช้เงิน อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็คคืนจำนวน 2,097 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ชำระคืน 24.65 ล้านบาท คงค้าง 2,072.35 ล้านบาท โดยบริษัท ได้ขอเปลี่ยนแปลงวงเงินกู้ และอยู่ระหว่างพิจารณาของสถาบันการเงินส่วนเงินกู้ระยะยาว 1,267 ล้านบาทอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้เพื่อปรับตารางการชำระเงินให้เหมาะสมกับกระแสเงินสด
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 48 ปรากฏข่าวในสื่อหลายฉบับว่าบริษัทมีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถ ในการชำระหนี้ได้ตามกำหนดประกอบกับปรากฏข้อมูลซึ่ง ตลท. ได้รับทราบเกี่ยวกับตั๋วแลกเงินของ บมจ. ปิคนิคฯ ว่า ตั๋วแลกเงิน 600 ล้านบาทครบกำหนดชำระเงินวันที่ 28 ต.ค. 48 บริษัทชำระเงินเพียง 10 ล้านบาท และนัดหมายชำระส่วนที่เหลือโดย ณ 23 พ.ย. 48 ซึ่งบริษัทได้ชำระแล้ว 230 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เสนอขายหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิม 1,485 ล้านหุ้นราคาขายหุ้นละ 1.50 บาท เมื่อวันที่ 26-30 ก.ย. 48 โดยจำนวนเงินที่ได้รับสุทธิ 2,216 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุนไว้ว่าเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างเงินทุนและเพื่อชำระหนี้ระยะสั้นที่เกิดจากการออกและเสนอขายตั๋วแลกเงินนั้น
อย่างไรก็ตาม ตลท.ได้ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลโดยให้รายงานการ ใช้เงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมโดยขอให้ระบุรายละเอียดของการใช้เงินเพิ่มทุนรวมถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน 600 ล้านบาท ซึ่ง ครบกำหนดชำระเงินวันที่ 28 ต.ค.48 และการดำเนินการของบริษัทในเรื่องดังกล่าว และกรอบระยะเวลาที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการดำเนินการเจรจาแปลงหนี้เงินกู้ระยะสั้น830 ล้านบาท เป็นเงินกู้ระยะยาว และการเจรจาปรับตารางการชำระเงินกู้ระยะยาว 1,267 ล้านบาท
นอกจากนี้ให้ชี้แจงว่า ปัจจุบันบริษัทถูกใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ตามกฎหมายเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่อย่างไร หากมีให้ระบุจำนวนเงินผลกระทบต่อสถานะของบริษัท และการดำเนินการของบริษัทเพื่อแก้ไขปัญหา
ตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมาย "H"ห้ามซื้อขายหนึ่งรอบก่อนขึ้นเครื่องหมาย "SP" ห้ามซื้อขายในช่วงบ่าย จนกว่าปิคนิคจะเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวอย่างครบถ้วน ปิคนิคคาดไตรมาส 1/49 รู้ผล
นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น(PICNI) กล่าวว่า บริษัทได้ทำการเพิ่มทุนตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2548 เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 48 เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทและเพื่อชำระหนี้ระยะสั้นที่เกิดจากการออกและเสนอขายตั๋วแลกเงินของบริษัทและหนี้อื่นๆ โดยในการพิจารณาใช้เงินที่ได้ตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ บริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุนทั้งสิ้น 2,216 ล้านบาท
สำหรับเจ้าหนี้สถานบันการเงิน ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยาเจเอฟ จำกัด จำนวน 355 ล้านบาท บลจ. บีโอเอ จำกัด จำนวน 185 ล้านบาท บลจ.กรุงไทย จำกัด จำนวน 748 ล้านบาท บลจ.ทิสโก้ จำกัด จำนวน 270 ล้านบาท และธนาคารยูโอบี รัตนสิน จำนวน 172 ล้านบาท ยอดเงินคงเหลือหลังชำระรวม 486 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าวบริษัทจึงยังคงมีตั๋วแลกเงินค้างจ่าย 510 ล้านบาท ซึ่งตั๋วแลกเงินค้างจ่าย กับ บลจ. 3 แห่งโดยตั๋วแลกเงินดังกล่าวครบกำหนดชำระระหว่างวันที่ 28 ต.ค. 48-30 พ.ย. 48 ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงินเกี่ยวกับวิธีการชำระหนี้ต่อไปสำหรับหนี้ระยะสั้นกับสถาบันการเงินอีก 2 แห่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตามที่เคยแจ้งให้ตลาด หลักทรัพย์ทราบนั้นคาดว่าจะทราบผลการพิจารณาอย่างช้าในไตรมาสที่ 1 ของปี 49
คนหุ้นเชื่อไม่กระทบตลาด
นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยาเจเอฟ จำกัดกล่าวว่าการที่บริษัทปิคนิคฯผิดนัดชำระหนี้นั้นเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเพราะที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกเกณฑ์การลงทุนในตั๋วบีอีเพื่อควบคุมในส่วนนี้ ประกอบกับความสนใจที่จะเข้าลงทุนของนักลงทุนในตั๋วบีอีได้ลดลงไปมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของบลจ.อยุธยาเจเอฟนั้นเคยถือตั๋วบีอีของบริษัทปิคนิคฯเป็นจำนวน350 ล้านบาทและได้รับการชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยเรียบร้อยแล้วหลังจากที่บริษัทปิคนิคฯได้มีการเพิ่มทุนจำนวนประมาณ 2.2 พันล้านบาทและได้นำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนมาชำระหนี้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชื่อว่าการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทปิคนิคฯนั้นคงจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนทั่วไป เพราะนักลงทุนจะต้องแยกแยะเพราะแต่ละบริษัทมีวิธีการจัดการเกี่ยวกับการบริหารงานที่แตกต่างกันโดยการดูแลแบบไม่สมบูรณ์นักลงทุนก็สามารถเข้าใจได้เองโดยนักลงทุนควรที่จะติดตามอย่างใกล้ชิด
|