นายทัศน์ วนากรกุล รองผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลมิตรผล เปิดเผยว่า นโยบายบริษัทได้วางแผนทำตลาดต่างประเทศในเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะการเน้นสร้างตราสินค้าน้ำตาลกลุ่มคอนซูเมอร์หรือบริโภคในครัวเรือน เพราะการทำตลาดต่างประเทศที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้มีการสร้างแบรนด์ อีกทั้งการส่งออกน้ำตาลคอนซูเมอร์ส่วนใหญ่จะเป็นบรรจุภัณฑ์กระสอบสัดส่วน 60% และน้ำตาลอุตสาหกรรม 40% ขณะที่บรรจุภัณฑ์ขนาด 1 กก.สำหรับจำหน่าย ในรีเทลยังไม่มี โดยบริษัทวางเป้าหมายไว้ว่าน้ำตาลมิตรผลเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในเอเชีย ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันน้ำตาลมิตรผลเป็นอันดับหนึ่งของเอเชียในแง่ปริมาณ
ล่าสุดได้ปรับภาพลักษณ์น้ำตาลมิตรผลใหม่ภายใต้แนวคิด "It's not just sugar" "น้ำตาลมิตรผล" ไม่เพียงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ น้ำตาลคุณภาพสูงหลากหลายประเภท ยังมอบ ความรู้สึกดีๆ โดยเป็นการปรับภาพลักษณ์ ในรอบ 18 ปี ตั้งแต่โลโก้ให้ดูมีความทันสมัยเป็นสากล รวมถึงรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะที่รูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ส่งออกจะทำเป็นภาษาแต่ละประเทศ เช่น จีน และญี่ปุ่น โดยบริษัทได้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท ในการสร้างการรับรู้ในช่วง 6 เดือน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ใช้ 10 ล้านบาทตลอดทั้งปี
แผนตลาดในต่างประเทศจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ในเบื้องต้นจะเน้นส่งออกบรรจุภัณฑ์ขนาด 1 กก.จำหน่ายในรีเทล โดยเลือกพันธมิตรหรือตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ 5-6 รายในแต่ละประเทศที่มีศักยภาพมาเป็นตัวแทนจำหน่ายในรีเทล ทั้งนี้จะเริ่มทยอยเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ขนาด 1 กก.จำหน่ายในรีเทล โดยตั้งเป้า 5 ปีมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของการส่งออกโดยช่วงแรกจะเน้นทำตลาดในไต้หวัน จีน ใช้งบ 30-50 ล้านบาทต่อประเทศ จากนั้นจะขยายไปยังอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ฯลฯ ทั้งนี้ หลังจากสร้างตราสินค้าคาดว่ารายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 60% เป็น 70% จากปีนี้คาดว่ามีรายได้ 6,000-7,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมทุ่มงบลงทุนเครื่องจักรสำหรับบรรจุใหม่อีก 200 ล้านบาท โดยเป็นแผน 5 ปีเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในต่างประเทศรวมทั้งภายในประเทศ โดย แผนภายในประเทศได้เตรียมขยายไลน์โปรดักต์ ใหม่ อาทิ น้ำตาลที่ให้ความหวานเพิ่มขึ้น แต่น้ำตาลลดลงจำหน่ายในราคาที่แพงกว่า ขณะเดียวกันกลยุทธ์การทำตลาดบริษัทจะเริ่มสร้างสินค้ากลุ่มนิชมาร์เกตให้เป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้น โดยเน้นสร้างตลาดน้ำตาลจากแร่ธรรมชาติ หรือ มิตรผลโกลด์ เป็นสินค้ากลุ่มหลัก เพื่อหลีกเลี่ยง สงครามราคาในตลาดน้ำตาลทรายขาวที่มีสินค้า เฮาส์แบรนด์ใช้กลยุทธ์ราคาถูกกว่า 1 บาทต่อ กก.
ตลาดน้ำตาลแร่ธรรมชาติยังมีผู้เล่นน้อยราย และมีราคาแพงกว่า คือ 18 บาท ส่วนน้ำตาลทรายขาว 14 บาท นอกจากนี้ผลพวงจาก สินค้าเฮาส์แบรนด์ส่งผลให้ส่วนแบ่งน้ำตาลมิตรผลรอบเดือนกันยายนลดลง 87% เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามี 89%
สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำตาลโดยรวมมูลค่า 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำตาลคอนซูเมอร์ 10% หรือ 2,400 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นน้ำตาลทรายขาว 90% มีอัตราการเติบโต 5-6% ส่วนน้ำตาลแร่ธรรมชาติสัดส่วน 10% หลังจากเข้ามาเปิดตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 100% เนื่องจากกระแสสุขภาพมาแรงส่งให้ตลาดขยายตัวสูง อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่มิตรผลเป็นผู้นำตลาดโดยรวมครองส่วนแบ่ง 19% ทำให้หลังจากที่บริษัทเน้นทำตลาดน้ำตาลแร่ธรรมชาติเพิ่มขึ้น จะผลักดันให้สัดส่วนน้ำตาลแร่ธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 20% และน้ำตาลทรายขาว 80% ภายใน 2 ปีข้างหน้า
นายทัศน์กล่าวต่อว่า บริษัทได้วางแผนขยายช่องทางจำหน่ายผ่านเทรดิชันนัลเทรดเพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 60% โดยล่าสุดได้แต่งตั้ง ให้สหพัฒน์เป็นผู้กระจายสินค้าในตลาดต่างจังหวัด หลังจากก่อนหน้านี้ได้ให้บริษัทพีเอสบี ดิสทริบิวชันเป็นผู้กระจายสินค้าให้โดยสหพัฒน์ เริ่มกระจายสินค้าได้กว่า 2-3 เดือนแล้ว ขณะที่ช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดลดลงจาก 50% เป็น 40%
ผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้ากลุ่มน้ำตาลคอนซูเมอร์ 1,000 ล้านบาท จากรายได้รวม 3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 10-15% มีรายได้ 1,200 ล้านบาท โดยปัจจุบันน้ำตาลมิตรผลเป็นผู้นำตลาดน้ำตาลคอนซูเมอร์ครองส่วนแบ่ง 87% สิ้นปีนี้ตั้งเป้ามี ส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 89-90%
|