ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศจัดอันดับ "กองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ" ได้เครดิตสูงสุด "AAA/V1+" ซึ่งเป็นระดับคุณภาพเครดิตสูงที่สุดภายใต้นโยบายการลงทุนที่เข้มงวด และความมั่นคงในการดำรงรักษาเงินลงทุนที่สูงของ กองทุน ด้าน "โชติกา" ปลื้ม ถือเป็น กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในประเทศในขณะนี้ เผยเตรียมนำกองทุนตราสารหนี้อื่นจัดอันดับต่อ หวังสร้างความเชื่อมั่นลูกค้าก่อนตัดสินใจลงทุน
นางโชติกา สวนานนท์ กรรม การผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทำหน้าที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ ได้ประกาศให้เครดิตกองทุนดังกล่าวที่ระดับ AAA (tha)/V1+(tha) ซึ่งถือว่ามีคุณภาพเครดิตสูงที่สุดภายใต้นโยบายการลงทุนที่เข้มงวด และความมั่นคงในการดำรงรักษาเงินลงทุนที่สูงของกองทุนเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆในประเทศในด้านต่างๆ อาทิ สินทรัพย์ที่ลงทุน การกระจายความเสี่ยง การจัดการลงทุน และความสามารถของบริษัทจัดการ

"การได้เครดิตระดับ AAA (tha)/V1+(tha) เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเป็นการยืนยันว่า กองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เทียบเท่ากับการลงทุนใน ตั๋วเงินคลังโดยตรง เพราะนอกจากจะไม่มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้แล้ว ยังไม่มีความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย ซึ่งถือเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในประเทศในขณะนี้ ซึ่งการจัดอันดับกองทุนทหารไทยธนรัฐครั้งนี้ นอกจากจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีสำหรับธุรกิจกองทุนรวมแล้ว ยังเป็นไปตามนโยบายที่ บลจ. ทหารไทยยึดถือตลอดมาในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลการลงทุนและการบริหารจัดการ อย่างถูกต้องโปร่งใส" นางโชติกากล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้บริษัทฯยังจะพิจารณานำกองทุนตราสารหนี้อื่นๆ เข้าสู่กระบวนการจัดอันดับต่อไป เพื่อเป็นข้อมูลให้นักลงทุนใช้ตัดสินใจก่อนการลงทุนด้วย

สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ระยะสั้นเป็นหลัก โดยร้อยละ 90 ของสินทรัพย์กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยโดยรัฐบาล กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถามหรือครบกำหนดชำระคืนไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ลงทุนแต่จะลงทุนไม่เกินร้อยละ 15 ในเงินฝากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารอื่นที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น หรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเงินทุนซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ จะรักษาอายุถัวเฉลี่ยของตราสารของกองทุน (Weighted Average Maturity) ให้ไม่เกิน 62 วัน และจะลงทุนในตราสารที่มีอายุเหลือไม่เกิน 92 วันเท่านั้น

โดยปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 3,250 ล้านบาท มีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 2.38% 6 เดือน 2.19% และ 1 ปีที่ 1.85% ต่อปี กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่อนุรักษ์นิยม ไม่ชอบความเสี่ยง และสำหรับบุคคลธรรมดา ผู้ลงทุนยังไม่ต้องเสียภาษีจากผลตอบแทนที่ได้รับอีกด้วย

ด้านรายงานข่าวจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ได้ให้อันดับกองทุนภายในประเทศ (National Fund Rating) ที่ระดับ "AAA(tha)/V1+(tha)" กับกองทุนเปิด ทหารไทยธนรัฐ (TMBTM) ซึ่งอันดับกองทุนดังกล่าวสะท้อนถึง คุณภาพเครดิตที่สูงที่สุด นโยบายการลงทุนที่เข้มงวด และความมั่นคงในการดำรงรักษาเงินลงทุนที่สูงของ กองทุนเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆในประเทศในด้านต่างๆ ได้แก่ สินทรัพย์ที่ลงทุน การกระจายความเสี่ยง การจัดการลงทุน และความสามารถของบริษัทจัดการ ซึ่งในระยะยต่อไปฟิทช์จะคอยติดตามการลงทุนและข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกองทุนโดยผู้จัดการกองทุนจะจัดส่งรายงานดังกล่าวให้ฟิทช์เป็นรายสัปดาห์

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของกองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ คือการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและต้องสอดคล้องกับการป้องกันการสูญเสียเงินต้นและการดำรงสภาพคล่องในระดับสูง โดยเน้นการลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารตลาดเงินที่มีคุณภาพเครดิตที่สูง นโยบายของกองทุนจะลงทุนอย่างน้อย 85% ของสินทรัพย์ทั้งหมดในตราสารหนี้ระยะสั้นที่ออกโดยรัฐบาลและส่วนที่เหลือจะเป็นเงินฝากในธนาคารพาณิชย์โดยส่วนใหญ่จะเป็นเงินฝากประเภทออมทรัพย์ กองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐจะรักษาอายุถัวเฉลี่ยของตราสารของกองทุน (Weighted Average Maturity - WAM) ให้ไม่เกิน 60 วันและจะลงทุน ในตราสารที่มีอายุที่เหลืออยู่ไม่เกิน 92 วัน

สำหรับผลการดำเนินงานของ กองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2548 มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 3.3 พันล้านบาท โดยสัดส่วนร้อยละ 77.0 ของเงินลงทุนทั้งหมดลงทุนในตั๋วเงินคลังของรัฐบาล ร้อยละ 17.8 ลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยระยะสั้น ร้อยละ 4.6 ลงทุนในเงินฝากประเภทออมทรัพย์ในธนาคารที่มีอันดับเครดิตที่ระดับ "A(tha)" หรือสูงกว่า และส่วนที่เหลือ เป็นสินทรัพย์อื่นๆ อายุถัวเฉลี่ยของตราสารของกองทุน ณ เวลาดังกล่าวเท่ากับ 45 วัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนของนักลงทุนของกองทุนซึ่งประมาณร้อยละ 30 ของสินทรัพย์กองทุนมาจากนักลงทุน รายใหญ่ 5 อันดับแรก อาจทำให้เกิดความเสี่ยงจากการขายคืนหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมากจากนักลงทุนน้อยราย ความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกลดทอนลงจากนโยบายของกองทุน ที่มุ่งเน้นการลงทุนในตราสารที่มีสภาพคล่องสูงมาก และการสื่อสารกับนักลงทุนรายใหญ่อย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอเพื่อคาดการณ์การขายคืนหน่วยลงทุนล่วงหน้าและจัดเตรียมกระแสเงินสดได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทจัดการมีระบบการควบคุมตรวจสอบการลงทุนและการดำเนินงาน การเฝ้าติดตามการลงทุน และกระบวนการตัดสินใจในการเลือกลงทุนที่เพียงพอ ที่จะสนับสนุนให้การปฏิบัติงาน การลงทุนเป็นไปตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดเอาไว้