Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์28 พฤศจิกายน 2548
Men Cosmetic War             
 


   
search resources

Cosmetics
ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย), บจก.




เมื่อผู้ชายให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้ามากขึ้น โดยมีตัวเลขการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 20% ของตลาดรวมผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายเป็นตัวชี้เทรน ประกอบกับปัญหาหรือความต้องการเรื่องผิวหน้าของผู้ชายที่เพิ่มขึ้นและเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้หญิง ทำให้ผู้เล่นทั้งรายเก่า รายใหม่ต่างพาเหรดส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องและครบไลน์มากขึ้น จนนำมาสู่สงครามคอสเมติคชายอย่างเต็มรูปแบบ

ปัจจุบัน ตลาดรวมผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย มีมูลค่ากว่า 3,339 ล้านบาท มีการเติบโต 22% แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้า 2,466 ล้านบาท และ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย 873 ล้านบาท แม้จะมีมูลค่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดรวมผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง ที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท แต่ด้วยศักยภาพของตลาดที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ขณะที่ตลาดผู้หญิงมีการเติบโตไม่ถึง10% รวมทั้งพฤติกรรมของผู้ชายที่หันมาให้ความสนใจการดูแลผิวหน้า และต้องการผลิตภัณฑ์ของผู้ชายมากขึ้นนั้น ส่งผลให้คู่แข่งทั้งรายเล็ก รายใหญ่สนใจโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้มากขึ้น จากเดิมที่มี "นีเวีย" จากค่ายไบเออร์ สด๊อร์ฟ์ ทำตลาดอย่างจริงจังเพียงราย

"นีเวีย" นับว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาดสกินแคร์ชายในอันดับต้นๆ และเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าสำหรับผู้ชายครบไลน์เป็นรายแรก ทั้ง กลุ่มบำรุงผิว กลุ่มทำความสะอาด ครีมโกนหนวด โดยเริ่มจากปี 2545 ที่ส่ง "นีเวีย ฟอร์ เมน ครีม คิวเทน" ที่มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวจากปัญหา 3 ประการ คือ ลดริ้วรอย ลดรอยหมอง และช่วยให้ผิวเรียบเนียน พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาภายใต้แบรนด์ "นีเวีย ฟอร์เมน" เป็นครั้งแรก เพื่อชี้ให้เห็นว่าผู้ชายต้องการสินค้าที่ให้ความสะดวกแต่ดูแลผิวหน้าได้

จากนั้นในปี 2546 นีเวียก็รุกตลาดอย่างจริงจัง ที่เน้นการ Educate ผู้บริโภค ให้หันมาใช้สินค้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันยังมีผู้ชายกว่า 70% ที่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงอยู่ เป็นไปได้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการรับสื่อหรือได้รับอิทธิพลของผู้หญิงมานาน ด้วยภาพยนตร์โฆษณาที่ชี้ให้เห็นว่าสินค้าผู้ชายเข้าใจโครงสร้างผิวหน้าผู้ชายได้ดีที่สุด และเพื่อให้สามารถตอบสนองผู้บริโภคได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ในปี 2547 นีเวียก็เปิดตัวครีมบำรุงผิวที่ช่วยควบคุมความมัน เจาะกลุ่มวัยรุ่นหรือคนที่เป็นสิวเป็นหลัก ส่วนปีนี้ นีเวียยังตอกย้ำเรื่องสื่อสารกับผู้บริโภค และออกนวัตกรรมใหม่ๆออกสู่ตลาด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การลดริ้วรอย , การกระชับรูขุมขน การควบคุมความมัน ไวท์เทนนิ่ง ฯ

"ผลสำรวจ พบว่า ผู้ชายกว่า 57% ไม่พอใจผิวหน้าตนเอง โดยจะมีปัญหาเหมือนผู้หญิง เช่น ริ้วรอย แผลเป็น หน้ามัน หน้าหมองคล้ำ ซึ่งนีเวียก็มีการพัฒนาสินค้าออกมาตอบสนองอย่างต่อเนื่อง คาดว่าแนวโน้มตลาดจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดสกินแคร์ของผู้หญิงที่มีสินค้าหลายๆชนิดมาจำหน่าย ซึ่งในปี หน้า นีเวียก็ออกสินค้าใหม่เกี่ยวกับผิวหน้าอีก" เป็นคำกล่าวของ ธนชัย ชัยกิตติวนิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าและเครื่องใช้ส่วนบุคคลนีเวีย ฟอร์ เมน บริษัท ไบเออร์ สด๊อร์ฟ (ประเทศไทย)

ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดรายแรกๆ ทำให้นีเวียขึ้นเป็นผู้นำตลาด 100% ในช่วงแรก โดยเฉพาะกลุ่มบำรุงผิว แต่หลังจากที่ภาพรวมตลาดมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแจมเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่จากการทำตลาดมานานกว่า 5 ปี ทำให้มีแบรนด์รอยัลตี้สูงกว่าคู่แข่ง ประกอบกับสินค้าที่ครบไลน์ทุกหมวด ทำให้นีเวียมีความได้เปรียบคู่แข่งในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นทรอส แอ็กซ์ บีโอเรฟอร์เมน ที่โดดเด่นบางผลิตภัณฑ์เท่านั้น เช่น แอ็กซ์ ที่มีผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเป็นสินค้าหลัก และเป็นผู้นำตลาด แต่หลังจากที่นีเวียรุกตลาดอย่างจริงจัง โดยชูเรื่องการถนอมผิวเป็นจุดขายหลักเป็นรายแรก ขณะที่คู่แข่งรายอื่นจะเน้นเรื่องกลิ่น ส่งผลให้ นีเวียสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ด้วยส่วนแบ่ง 27.6% โดยแอ็กซ์หล่นมาเป็นที่ 2 ด้วยส่วนแบ่ง 25.6% ซึ่งทำให้ปีนี้นีเวียมีส่วนแบ่งตลาด
ทั้งสกินแคร์และสินค้าระงับกลิ่นกายสำหรับผู้ชาย รวมเป็น 36% จากตลาดรวมมูลค่า 3,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเพียง 26%

สำหรับ "ลอรีอัล" ยักษ์ใหญ่สกินแคร์ก็โดดเข้าสู่ตลาดนี้อย่างเต็มตัว ภายใต้แบรนด์ "ลอรีอัล เม็น เอ็กซ์เพิร์ท" เพื่อจับกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะเช่นกัน เบื้องต้น ลอรีอัลส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดรวดเดียว 5 ชนิด ครบทุกหมวดหมู่ คือ เจลล้างหน้า เจลบำรุงผิว ครีมเจลบำรุงผิวหน้า ครีมเจลดูแลผิวรอบดวงตา และ ครีมบำรุงผิวหน้า โดยวางราคาใกล้เคียงกับนีเวีย ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบของลอรีอัลหากเทียบในเรื่องภาพลักษณ์ที่เป็นพรีเมียมแบรนด์มากกว่านีเวีย ทว่า หากมองในเรื่องความคุ้นเคยของผู้บริโภค นีเวียอาจเป็นได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมากกว่า ส่วนหนึ่งอาจมาจากการเริ่มเป็นผู้ทำตลาดเป็นรายแรก และการออกนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดเป็นแบรนด์แรกด้วย เช่น การออกสินค้าเพื่อลดริ้วรอยสำหรับผู้ชาย

ดังนั้น ลอรีอัล จึงรุกตลาดด้วยการชูจุดแข็งของแบรนด์ และยอดขายในต่างประเทศสร้างความน่าเชื่อถือความเป็นสินค้าอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศ ในยุโรป พร้อมชูผลวิจัยและสินค้าที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อชายไทย ซึ่งทำให้ลอรีอัลมั่นใจว่า จะมีส่วนแบ่งตลาด 25 - 30% ภายใน 1 ปี และขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้ภายใน 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีส่วนแบ่งมากกว่า 50%

นอกจากนี้ เครื่องสำอางกลุ่มขายตรงก็ให้ความสนใจตลาดเครื่องสำอางชายด้วย จากเดิมที่มี มิสทีน เพียงรายเดียวในช่องทางขายตรง อาทิ แอมเวย์ เปิดตัว "ทอลซัม" จำนวน 5 รายการ เช่น เจลโกนหนวด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ชายที่สนใจดูแลผิวหน้ามากขึ้น และล่าสุด "กิฟฟารีน" ก็ร่วมเกาะกระแสเปิดตัวเครื่องสำอางชายครบชุดภายใต้แบรนด์ "WIS" เจาะกลุ่มชาย 25 - 40 ปี ทั้งนี้เพื่อขยายฐานสมาชิกผู้ชายที่เพิ่มขึ้นและรองรับแนวโน้มที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ชัดเจนอย่างหนึ่งว่า เครื่องสำอางผู้ชายกำลังได้รับความนิยมและกำลังจะเติบโตตามเครื่องสำอางผู้หญิง

คงต้องจับตามองต่อไปว่า ตลาดเครื่องสำอางชายในไทยจะสามารถเติบโตไปได้มากน้อยแค่ไหน และจะไปได้ไกลเหมือนประเทศอื่นหรือไม่ เพราะการทำตลาดเพิ่งจะเริ่มต้นอย่างจริงจังเพียงไม่กี่ปี ซึ่งแน่นอนว่าผู้ผลิตต้อง Educate กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และสร้างความแตกต่างในเรื่องผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนในสายตาผู้ชายเมื่อเทียบกับสินค้าหญิง ที่สำคัญต้องแตกต่างและโดดเด่นเมื่อเทียบระหว่างแบรนด์ด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะใช้ราคามาเป็นปัจจัยเพียงอย่างเดียว

ตลาดรวมผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าสำหรับผู้ชายมูลค่า 2,466 ล้านบาท
ประเภท สัดส่วน(ล้านบาท)
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 1,636
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 711
ผลิตภัณฑ์เพื่อการโกนหนวด 119

ตลาดรวมผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้าสำหรับผู้ชาย มูลค่า 2,466 ล้านบาท
นีเวีย 54 %
ยิลเลต 17%
ทรอส 10%
บิโอเร 8%
แอ๊กซ์ 2%
อื่นๆ 9%

ตลาดรวมผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสำหรับผู้ชาย มูลค่า 873 ล้านบาท
นีเวีย 27.6 %
แอ๊กซ์ 25.6%
ทรอส 17.1%
เอ็กซิท 13.5%
อื่นๆ 16.2%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us