Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์25 พฤศจิกายน 2548
'โตโยต้า'เร่งเครื่องหวังแซง'จีเอ็ม'ปีหน้าชิงตำแหน่งผู้ผลิตรถอันดับหนึ่งของโลก             
 


   
search resources

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
Automotive
เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น, บจก.




ค่ายโตโยต้า กำลังวางเดิมพันก้อนมหึมาในการพิสูจน์ว่า ปีหน้าตัวเองสามารถที่จะอาศัยกลยุทธ์ออกรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อเร่งยอดขายยอดผลิต จนแซงหน้าค่ายจีเอ็มซึ่งกำลังอยู่ในอาการย่ำแย่ และชิงตำแหน่งผู้ผลิตรถอันดับหนึ่งของโลกไปครอบครอง

ในปลายเดือนหน้า เมื่อผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายนี้เปิดเผยเป้าหมายปี 2006 ของตัวเอง คาดหมายกันว่าบริษัทจะตั้งเป้าอันสูงลิ่วว่าจะผลิตรถให้ได้ถึง 9.2 ล้านคัน ตัวเลขขนาดนี้ก็เท่ากับพุ่งพรวด 11% ทีเดียวจากยอด 8.28 ล้านคันซึ่งโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป คิดว่าจะผลิตได้ในปีการเงินปัจจุบัน (เมย.05-มีค.06)

เจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม) ซึ่งครองแชมป์ผู้ผลิตรถใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพมากว่า 70 ปีแล้ว มิได้มีการแถลงแผนการผลิตสำหรับปีหน้า และได้วางเป้าไว้ว่าจะทำรถ 9.1 ล้านคันในปีนี้ สำหรับยอดขายนั้น จีเอ็มขายรถได้ 8.99 ล้านคันในปี 2004 เท่ากับ 14% ของตลาดรถยนต์ทั่วโลก ขณะที่ ฟอร์ด มอเตอร์ คอมพานี ซึ่งอยู่อันดับสามของโลกนั้น ขายรถได้ 6.98 ล้านคันในทั่วโลก

ยังเหลือเวลาอีกราว 1 เดือนกว่าจะถึงกำหนดที่จะเปิดเผยคำทำนาย ในช่วงนี้พวกเจ้าหน้าที่โตโยต้าต่างบอกว่า บริษัทยังไม่ได้ตัดสินเรื่องเป้าหมายการผลิตขั้นสุดท้าย แต่ก็แย้มๆ ว่าแผนการของบริษัทมีทั้งการเปิดตัวเวอร์ชั่นที่ดีไซน์ใหม่อีกรอบของรถคัมรี อันเป็นรถรุ่นขายดีที่สุดในอเมริกามาหลายปี, เวอร์ชั่นที่ลงตัวยิ่งขึ้นของรถ แรฟ 4 เอสยูวี, รถเอสยูวีขนาดกลางรุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อว่า เอฟเจ ครูเซอร์, และรถรุ่นเล็ก "ยาริส" ซึ่งมุ่งจับผุ้ขับขี่ที่เน้นการประหยัดพลังงาน นอกจากนั้น โตโยต้ายังจะเปิดตัวโมเดลเพิ่มเติมของรถยนต์เลกซัส ซึ่งแยกออกไปเป็นแบรนด์ต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแข่งขันชิงอันดับหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ ชนิดซึ่งอาจต้องอาศัยภาพถ่ายเป็นตัวตัดสินผู้ชนะเช่นนี้ ย่อมตอกย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งมีการแข่งขันกันในระดับโลกดุเดือดขึ้นทุกที

จีเอ็มได้อาศัยความเป็นอันดับหนึ่งอย่างยาวนานของตน เป็นจุดศูนย์รวมแห่งวัฒนธรรมบริษัท ตลอดจนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ โดยมุ่งอาศัยความใหญ่โตมโหฬารของตัวเอง มาเป็นตัวช่วยให้บริษัทสามารถทุ่มเทงบประมาณเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์ไปในด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์หลายหลาก ซึ่งช่วยให้เจาะตลาดใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น

เดือนมกราคมที่ผ่านมา ริก แวกอเนอร์ ประธานและซีอีโอของจีเอ็ม บอกปัดข่าวลือที่ว่าจีเอ็มอาจถูกโตโยต้าแซง โดยเขาชี้ว่า "เรานำหน้ามาถึง 73 ปีต่อเนื่องกัน และผมคิดว่าแต้มต่อพนันยังคงออกมาว่า เราจะยังคงนำหน้าต่อไปอีกใน 73 ปีข้างหน้า"

ทว่านับแต่นั้นมา แผนการต่างๆ ของเขาเพื่อการฟื้นฟูจีเอ็มกลับพังครืนลงไป เนื่องจากยอดขายรถเอสยูวีซึ่งทำกำไรสูงลิ่วในตลาดสหรัฐฯ มีอันลดฮวบต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันพุ่งพรวด แถมบริษัทยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายการดูแลสุขภาพพนักงานในอเมริกาสูงลิ่วๆ ถึงแม้จีเอ้มกำลังขยายตัวได้ดีในบางตลาด โดยเฉพาะที่จีนและละตินอเมริกา อีกทั้งยอดขายในยุโรปก็ยังหนักแน่นคงตัว แต่ผลบวกเหล่านี้กลับไม่อาจชดเชยการตกต่ำในตลาดอเมริกาเหนือปีนี้ได้เลย

ตราสารหนี้ของจีเอ็มถูกจัดอันดับเป็นจังก์บอนด์ (ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงจนไม่น่าลงทุน) และราคาหุ้นของบริษัทก็ซื้อขายกันในระดับเกือบต่ำสุดในรอบสิบกว่าปี แวกอเนอร์กำลังเตรียมการที่จะประกาศตัดลดศักยภาพการผลิตและกำลังแรงงานในอเมริกาเหนือลงอย่างมหึมาอีกรอบหนึ่ง เพื่อพยายามลดต้นทุนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนวอลล์สตรีท โดยที่จีเอ็มแย้มออกมาแล้วว่าวางแผนจะลดคนงานในสหรัฐฯลง 25,000 คน จากที่มีอยู่ทั้งสิ้น 181,000 คนภายในปี 2008 อีกทั้งส่งสัญญาณว่าจะประกาศแผนการปรับโครงสร้างอย่างใหญ่โตยิ่งในเร็วๆ นี้

แน่นอนว่าจีเอ็มมิได้ยอมถอยโดยไม่ต่อสู้เอาเสียเลย ขณะที่ลดกำลังในอเมริกาเหนือ บริษัทก็วางแผนขยายการผลิตในจีน (ซึ่งจนถึงเวลานี้จีเอ็มยังคงขายรถได้ดีกว่าโตโยต้า) และในเกาหลีใต้ โดยผ่านกิจการร่วมทุน ตลอดจนบุกมากขึ้นในละตินอเมริกา และแอฟริกาด้วย

ทว่าโตโยต้าก็กำลังเร่งรัดเพิ่มการผลิตตลอดทั่วพิภพด้วยเหมือนกัน ทั้งจากโรงงานในยุโรปตะวันออกไปจนถึงแอฟริกา จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจรดอเมริกาใต้ ยอดการผลิตทั่วโลกซึ่งโตโยต้าคาดหมายไว้ว่าอยู่ประมาณ 8.28 ล้านคันในปีนี้ จะเท่ากับเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ทีเดียวจากปีที่แล้ว

ยอดขายของโตโยต้าก็กำลังพุ่งแรง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิของทั้งเครือได้ในราว 2,600 ล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสกค.-กย.ปีนี้ เปรียบเทียบกับจีเอ็มซึ่งรายงานว่าในไตรมาสเดียวกันนี้ขาดทุน 1,630 ล้านดอลลาร์

ถึงแม้อัตราผลกำไรของโตโยต้าตกลงมาเหลือ 8.1% ในครึ่งแรกปีนี้จากระดับ 9.6% ซึ่งทำได้เมื่อ 1 ปีก่อนหน้า แต่ก็ยังถือว่าสวยสด และเป็นการสะท้อนสภาพความเป็นจริงที่ว่า ในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบมากขึ้นไปในด้านการตลาดและการผลิต

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวอย่างรวดเร็วแบบนี้ของโตโยต้า ก็หลีกไม่พ้นที่จะบังเกิดความเสี่ยงด้วยหลายๆ ประการ พวกผู้บริหารบริษัทแสดงความเป็นห่วงว่า การเติบโตเช่นนี้อาจสร้างภาระหนักเกินไปแก่ส่วนงานซึ่งเป็นแกนกลาง อย่างเช่นด้านวิศวกรรม และด้านการควบคุมคุณภาพ

ยิ่งกว่านั้น บริษัทได้เคยตั้งเป้าหมายสูงลิ่วมาแล้วในอดีตแล้วก็ไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาเหนือ ตัวอย่างเช่น ในปีหน้าโตโยต้าเตรียมจะเปิดการรณรงค์ครั้งที่สาม เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดรถกระบะขนาดใหญ่ในสหรัฐฯให้ได้เป็นกอบเป็นกำเสียที เนื่องจากความพยายามคราวก่อนๆ โตโยต้ายังคงไม่อาจทะลวงผ่านแบรนด์ดังดั้งเดิมของอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ เชฟโรเลต ของค่ายจีเอ็ม หรือแบรนด์ ไครสเลอร์ และ ดอดจ์ ของค่ายเดมเลอร์-ไครสเลอร์

นอกจากนั้น โตโยต้ายังอาจถูกถ่วงรั้งถ้าหากราคาน้ำมันและค่าใช้จ่ายอื่นๆซึ่งแพงขึ้นๆ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถไปก่อนในปีหน้า ทั้งนี้มีผู้ผลิตรถบางรายออกมาเตือนแล้วว่า ปี 2006 น่าจะเป็นปีที่ไม่สู้ดีนักสำหรับการขายรถในตลาดซึ่งทำยอดขายสูง ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ยุโรป หรือ สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม โตโยต้ามองภาพแตกต่างออกไป อย่างน้อยที่สุดก็ในส่วนที่เกี่ยวกับสหรัฐฯ ระหว่างการเปิดตัวรถใหม่เมื่อไม่นานมานี้ที่กรุงโตเกียว คาซึโอะ โองาโมโตะ กรรมการผู้จัดการอาวุโสของโตโยต้ากล่าวว่า การที่สหรัฐฯมีอัตราการเพิ่มประชากรสูง จึงยังคงสร้างโอกาสแห่งการเติบโตอีกมากมายให้แก่ผลิตภัณฑ์ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายเอาไว้อย่างถูกต้องชัดเจน

อันที่จริง โตโยต้ากำลังนับเอาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ตนขายรถได้ถึง 2 ล้านคันในปีที่แล้ว ว่าจะเป็นแหล่งซึ่งช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายอันสูงลิ่วที่วางไว้ โตโยต้าวางแผนจะใช้จ่ายเงินสูงขึ้นกว่าในอดีตมาก เพื่อโปรโมตรถโมเดลใหม่ๆ ในปี 2006 ถึงแม้เจ้าหน้าที่บริษัทยังไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขชัดเจน

จิม เลนซ์ รองประธานกรรมการบริหารผู้รับผิดชอบการขายรถแบรนด์โตโยต้าในตลาดสหรัฐฯ เผยว่าบริษัทมุ่งหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาดในอเมริกาให้ได้ 15% เพิ่มขึ้นจากประมาณ 13% ในเวลานี้ เขาอธิบายว่าหลังจากที่โตโยต้าสามารถครองใจผู้ขับขี่ทั้งในฝั่งอีสต์โคสต์ และเวสต์โคสต์แล้ว ตอนนี้จะโฟกัสไปที่การเพิ่มยอดขายในพื้นที่ใจกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นฐานสำคัญของค่ายจีเอ็ม ฟอร์ด และเดมเลอร์-ไครสเลอร์

ตัวอย่างเช่น เพื่อดันยอดขายรถกระบะขนาดใหญ่ โตโยต้าได้สร้างโรงงานใหญ่แห่งใหม่ที่มลรัฐเทกซัส ซึ่งเป็นพื้นที่หัวใจของพวกนิยมรถบิ๊กแบบนี้ คาดหมายกันว่าเวอร์ชั่นใหม่ของรถทุนดรา อันเป็นแบรนด์รถกระบะใหญ่ของโตโยต้า จะมีขนาดเบ้อเริ่มกว่าและทรงพลังยิ่งกว่าโมเดลปัจจุบัน ซึ่งถูกวิจารณ์กันมากในอเมริกาว่า เล็กเกินไปและไม่แรงพอที่จะเทียบชั้นแข่งขันกับรถระดับนำของของรุ่นนี้ อย่างเช่น ฟอร์ด เอฟ-150 หรือ เชฟวี ซิลเวอราโด

เจ้าหน้าที่อาวุโสของโตโยต้าหลายคนบอกด้วยว่า พวกเขายังตระหนักดีถึงความเสี่ยงด้านการประชาสัมพันธ์ จากการคิดที่จะแซงหน้าบริษัทเก่าแก่ระดับสัญลักษณ์หนึ่งของอเมริกันอย่างจีเอ็ม ในช่วงเวลาซึ่งอุตสาหกรรมของสหรัฐฯต่างย่ำแย่กันทั้งนั้น

เพื่อแก้ลำกรณีที่เรื่องนี้อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง โตโยต้าจึงป่าวร้องอยู่เรื่อยว่า ตัวเองกำลังขยายการผลิตในสหรัฐฯและเพิ่มการจ้างแรงงานอเมริกัน เวลานี้บริษัทมีสถานที่ทำการผลิต 11 แห่งในอเมริกาเหนือ และวางแผนสร้างเพิ่มอีก 3 แห่ง รวมทั้งกำลังหาสถานที่ตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังแห่งใหม่อีกด้วย ทั้งนี้ในแต่ละปี บริษัทสามารถคุยได้ว่าสั่งซื้อชิ้นส่วน, วัตถุดิบ, และบริการต่างๆ จากบรรดาผู้ผลิตในสหรัฐฯเป็นมูลค่าถึง 22,000 ล้านดอลลาร์

ส่วนเรื่องที่แวดวงวอลล์สตรีทแสดงความกังวลว่า โตโยต้ากำลังพยายามขยายตัวมากเกินไปและรวดเร็วเกินไป แล้วเลยจะกระทบไปถึงเรื่องคุณภาพ

รีล ตองกุย ประธานกรรมการบริหารฝ่ายขยายโรงงานการผลิตของโตโยต้า ณ รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ตอบว่า บริษัทยังคงรักษากระบวนการจ้างงานที่เข้มงวด ซึ่งมุ่งทดสอบคุณสมบัติอย่างเช่น จิตใจทำงานเป็นทีม, ความอดทน, และความสามารถที่จะยอมรับการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์

กระบวนการนี้เองได้คัดกรองผู้สมัครที่ไม่เหมาะสมออกไปเป็นจำนวนมาก "ผมคิดว่าลูกชายผมเอง ก็คงสอบไม่ผ่านหรอก" ตองกุยบอก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us