กรุงเทพบ้านฯโชว์จุดแข็ง หลังดึง กลุ่มทุนสิงคโปร์ "เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ" ร่วมทุนทำ บิ๊กโปรเจกต์หมื่นล้าน ภายใต้แนวคิดเมืองขนาดย่อม ติดริมน้ำ พ่วงกลุ่มพันธมิตรมีฐานการเงินดีในยูไนเต็ด โอเวอร์ซีแบงก์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่แบงก์ยูโอบี รัตนสิน ปล่อยกู้พัฒนาคอนโดฯเกรด A เดอะ พาโน 3,500 ล้านบาท เดินหน้าต่อโครงการแนวราบขนาดใหญ่โซนพระราม 2 และภาษีเจริญ กว่าหมื่นล้านบาท
นายธงชัย คุณากรปรมัตถ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) โดยมีบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ถือสัดส่วนหุ้นประมาณ 30% เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวบริษัท ริเวอร์ ไซด์ โฮมส์ ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นการผนึกพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างบริษัทกรุงเทพบ้านฯ และกลุ่มเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จำกัด ถือหุ้นฝ่ายละ 49% ทำให้ทางกลุ่มมีความเข้มแข็งในการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ โดยตามแผนจะพัฒนาที่ดินบนเนื้อที่ 24 ไร่ ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณย่านพระราม 3 เป็นเมืองที่อยู่อาศัยครบวงจร มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวอยู่ใกล้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ
โดยในเฟสแรกจะเป็นโครงการคอนโด มิเนียมเกรด A ภายใต้ชื่อ เดอะ พาโน มูลค่าขายกว่า 5,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 9 ไร่ เพียง 1 ตึก สูง 55 ชั้น จำนวน 390 ยูนิต รวมพื้นที่ขาย 60,000 ตร.ม. ราคาขาย 85,000 บาทต่อตารางเมตร โดยขนาดเล็กสุดที่ 60 ตร.ม.จะมีสัดส่วนประมาณ 20% ของทั้งหมด เน้นคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจคอนโดฯ ขณะที่ทำเลที่ตั้ง ของโครงการอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและสะดวก ต่อ การเดินทาง ขณะนี้มียอดจองก่อนเปิดการขายไปกว่า 10% ส่วนใหญ่จะเป็นเศรษฐีคนไทยที่จองห้องชุดขนาดใหญ่ไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในครึ่งแรกของปี 2549 จะสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 60%
"แบงก์ที่ปล่อยกู้โครงการ คือ ธนาคารยูโอบี รัตนสิน จำกัด (มหาชน) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการควบรวมกับธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) โดยให้วงเงินกู้ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนซื้อที่ดินทั้ง 24 ไร่ ประมาณ 1,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็น เงินกู้เพื่อก่อสร้างโครงการคอนโดฯ ระยะเวลาเงินกู้ประมาณ 3 ปี กว่า คาดว่าเฉพาะคอนโดฯจะมีมาร์จิ้นก่อนหักค่าใช้จ่ายและภาษีประมาณ 700-800 ล้านบาท หรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะว่าหลังเปิดขายไปได้ระยะหนึ่ง จะมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น"
อนึ่ง สำหรับกลุ่ม เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ จำกัด มีความชำนาญทางด้านการสร้างตึกสูงมาแล้วในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง จีน อังกฤษ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยังมีฐานการเงินที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธนาคาร ยูไนเต็ดโอเวอร์ซี แบงก์ ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นธนาคาร แม่ของธนาคารยูโอบี รัตนสิน จำกัด (มหาชน) ที่ได้ซื้อธนาคารเอเชียไป
นายธงชัย กล่าวว่า ในส่วนเฟสต่อเนื่อง จะเป็นการลงทุนพัฒนาโรงแรมระดับหรู มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งรวมแล้วโครงการที่บริษัทฯพัฒนาจะทำให้เกิดเมืองขนาดย่อมในบริเวณดังกล่าว และสามารถรองรับกับความต้องการ ของลูกค้าและธุรกิจ โดยในขณะนี้ทำเลพระราม 3 มีอัตราการเติบโตอย่างมากและมีทางด่วนเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เมืองได้ง่ายกว่าอดีต
ในส่วนของแผนธุรกิจของกรุงเทพบ้านและที่ดินนั้น นายธงชัยกล่าวว่า รูปแบบการพัฒนาจะเป็น โครงการที่ใหญ่ เพื่อรองรับการลงทุนในระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 49 จะเปิดโครงการขนาดใหญ่ 2 ทำเล ซึ่งเป็นแผนเดิมของปีนี้ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ "ราชพฤกษ์" ทำเลพระราม 2 เนื้อที่ในการพัฒนาช่วงแรก 450 ไร่ ระดับราคา 5-8 ล้านบาท และอาจมีบ้านเดี่ยวระดับราคา 30-40 ล้านบา แต่ไม่ถึง 100 ล้านบาท รวมทั้งหมด 1,000 ยูนิต มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ "สราญรมย์" ภาษีเจริญ เนื้อที่ 80 ไร่ ระดับราคา 3-4 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท
"รายได้รวมของกรุงเทพบ้านฯในปีนี้น่าจะทำได้ 1,500 ล้านบาท จากยอดขาย 10 เดือนแรก 1,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ารายได้จากคอนโดฯจะเริ่มหนุนบริษัทอย่างมากประมาณปี 50 ซึ่งเป็นจังหวะที่บริษัทมีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนในตอนนี้รายได้หลักมาจากโครงการแนวราบ"
|