|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
"โสภาวดี" ยันจำนวนผู้ถือหุ้นใน บจ.เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศแค่เพียง 1.45% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วสัดส่วนสูงถึง 30-50% ขอเดินหน้าขยายฐานนักลงทุนผ่าน สื่อ ระบุปกติบัญชีแอ็กทีฟอยู่ในระดับ 25-30% ตั้งเป้าเพิ่มบัญชีนักลงทุนใหม่ปีหน้า 7 หมื่นบัญชีจากปัจจุบัน 4.4 แสนบัญชี
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนรายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนมีประมาณ 900,000 รายชื่อ และเป็นผู้ถือหน่วย ลงทุนในกองทุนประมาณ 400,000-600,000 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวอาจจะมีรายชื่อซ้ำกัน ขณะที่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งปีที่มีอยู่ประมาณ 62 ล้านคนจำนวนผู้ถือหุ้นเป็นเพียง 1.45%
ทั้งนี้ จำนวนผู้ถือหุ้นเมื่อเทียบกับสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งประเทศในประเทศที่พัฒนาแล้ว สัดส่วนดังกล่าวจะอยู่ในระดับ 30-50% ซึ่งในไทยคงต้องมีการกระตุ้น ให้ประชาชนให้ความสนใจกับการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ให้มากขึ้น "จำนวนนักลงทุนในประเทศของเรายังน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งประเทศ เราจะเร่งขยาย ฐานนักลงทุนผ่านสื่อและการตลาด ให้มากขึ้น" นางสาวโสภาวดีกล่าว
การเพิ่มจำนวนนักลงทุน ตลท.จะเร่งกระตุ้นผ่านสื่อต่างๆ ให้มากขึ้น เช่น Money Channel รวมถึงการจัดงานวันตลาดนัดผู้ลงทุนซึ่งจะจัดขึ้นในทุกเดือนเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับนักลงทุนที่สนใจจะเข้ามาลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์ โดย ตลท. ตั้งเป้าในปีหน้าจะเพิ่มจำนวนบัญชีนักลงทุนประมาณ 70,000 บัญชี จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 4.4 แสนบัญชี
"เราจะเน้นที่นักลงทุนรายใหม่เป็นหลัก เรื่องบัญชีแอ็กทีฟใน บัญชีเก่าโบรกฯต่างๆ คงต้องเข้าดูแล พร้อมจะรู้ถึงพฤติกรรมและนิสัยในการลงทุนของลูกค้าแต่ละราย" นางสาวโสภาวดีกล่าว
ในส่วนของบัญชีที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง (Active) โดยทั่วไปจะอยู่ในระดับ 25-30% ของจำนวนบัญชีทั้งหมด ซึ่งพฤติกรรม ของนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังเป็น กลุ่มที่มีพฤติกรรมซื้อขายแบบซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกัน ในวันเดียวกัน (Net Settlement) ซึ่งไม่ใช่เป็นกลุ่มที่ไม่ดีแต่การลงทุน นักลงทุนก็ควรจะถือลงทุนในลักษณะอื่นบ้าง
สำหรับค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น(ค่าคอมมิชชัน)ของบริษัทหลักทรัพย์ที่เก็บจากลูกค้าที่ส่งคำสั่งซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ ปัจจุบันค่าคอมมิชชันของไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ การปรับลดค่าคอมมิชชัน หรือการเปิดเสรีค่าคอมมิชชันคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีนี้
ทั้งนี้ ไม่อยากให้การแข่งเป็นเรื่องค่าคอมมิชชัน แต่ควรจะเป็น การแข่งขันทางด้านบริการที่จะให้ลูกค้ามากกว่า
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวน บัญชีที่ซื้อขายหลักทรัพย์ในปีนี้ให้อยู่ที่ประมาณ 500,000 บัญชี เนื่อง จากหากบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) สามารถเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ได้ จะทำให้นักลงทุนที่เป็นผู้ลงทุน หรือ เป็นพนักงานของบริษัทต้องเข้ามาลงทุนใน ตลท.เพิ่มขึ้น
|
|
 |
|
|