|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"บีพีบี" ตั้งเป้าปี 49 เติบโต 15% สูงกว่าตลาดที่โตเพียง 12-13% เชื่อหลังทุ่ม 2,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตช่วยยอดขายเพิ่มจากทั้งในประเทศ พร้อมขยายส่งออก 50% จากเดิม 30% เดินหน้าเร่งขยายตลาดต่างจังหวัด ชี้อัตราการเติบโต ตลาดอสังหาฯต่างจังหวัดสูงและฐานใหญ่กว่า กทม. หลายเท่า ระบุแม้จะเพิ่มกำลังผลิต 80 ล้านตารางเมตรก็ยังไม่พอเพียงกับความต้องการของตลาด
นายวิรัตน์ พนมชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) (บีพีบี) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้ขยายการลงทุนในโรงงานแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมสัตหีบ จากกำลังการผลิตต่อปี 36 ล้านตารางเมตร เพิ่มเป็น 80 ล้านตารางเมตรต่อปีภายในปี 2549 ใช้เงินลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตประมาณ 2,000 ล้านบาท และสามารถเดินสายการผลิตได้แล้ว โดยแผนธุรกิจในปี 2549 วางเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายจากในประเทศและต่างประเทศ รวม 50% หรือมีการขยายตัวประมาณ 15% สูงกว่าการเติบโตของตลาดรวมอยู่ที่ 12-13% ขณะที่ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 15% โดยปัจจัยที่ทำให้เชื่อมั่นจะสามารถเจริญเติบโตได้สูงกว่าตลาดรวมนั้น เป็นผลมาจากการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ ทำให้สามารถรองรับกับความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่มีอัตราการขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน ตลาดรวมแผนฝ้ายิปซั่ม ในประเทศมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท หรือ ประมาณ 60 ล้านตารางเมตร โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 40-45% ที่เหลือจะเป็นของบริษัทคู่แข่งมีส่วนแบ่งตลาด 50% และอีก 5% จะเป็นสินค้าจากประเทศจีน ทั้งนี้ อัตรากำลังการผลิตที่เพิ่มของบีพีบี จะช่วยให้บริษัทสามารถเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหลักยังอยู่ภายในประเทศ ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ คาดว่าจะทำให้สัดส่วนการขายระหว่างในประเทศและส่งออกจะอยู่ที่ 50-50% ซึ่งแตกต่างจากปี 2547 ที่สัดส่วนการส่งออกจะมีแค่เพียง 30% เท่านั้น
"รายได้หลักของบีพีบีในขณะนี้ มาจากตลาดผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซั่มซึ่งเป็นตลาดวัสดุที่ใช้ประกอบกับแผ่นยิปซั่ม และวัสดุที่ผลิตจากแผ่นยิปซั่ม เช่น ปูนพลาสเตอร์ยิปซั่ม เพื่อทดแทนปูนฉาบผนังก่ออิฐ หรือโครงคร่าวเหล็กแบบพิเศษลิขสิทธิ์ เฉพาะบีพีบีและตลาดโครงคร่าวเหล็ก และอุปกรณ์เสริมมีมูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท เมื่อเปิดสายการผลิตใหม่ และเดินหน้ากลยุทธ์ทางการตลาด อย่างเต็มที่ในปีหน้านี้ ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นแน่ โดยเฉพาะตลาดโครงคร่าวเหล็กเพิ่มขึ้นอีก 30% โดยรวมแล้วการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเป็นสองเท่า ก็เพื่อรองรับนโยบายของบริษัทแม่ที่จะผลักดันให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกผลิตภัณฑ์ยิปซั่มในภูมิภาคเอเชีย และสามารถขยายการส่งออกได้กว่าเท่าตัว ครอบคลุมประเทศในแถบอาเซียนและตะวันออกกลาง" นาย วิรัตน์กล่าว
ปัจจุบัน บีพีบี มีโรงงานสองแห่ง คือ โรงงานแหลมฉบังซึ่งผลิตแผ่นยิปซั่มและโครงเหล็ก และโรงงานบางปะอินที่ผลิตปูนยิปซั่ม พลาสเตอร์ ทั้งสองแห่งมีมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท และสามารถ รองรับการผลิตแผ่นยิปซั่มถึงกว่า 80 ล้านตารางเมตรต่อปี
|
|
|
|
|