ข้อสงสัย ที่ว่าเมื่อภาวะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ใน
แถบเอเชีย ทำไมตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ฉลองศตวรรษใหม่เป็นต้นมาจึงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีการปรับตัวด ีขึ้นทั้งฐานะการเงิน ซึ่งวัดจากทุนสำรองระหว่างประเทศ
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2542 ที่อยู่ระดับ 34,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปี 2541
อยู่ ที่ 29,536 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเกินดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นบวก
และดัชนีวัดด้านอื่นๆ อาทิ ดัชนีผลผลิตอุตสาห-กรรม และอัตราใช้กำลังการผลิตต่างปรับตัวดีขึ้น
แล้วเหตุใดดัชนีหุ้นไทย ไม่สะท้อนสิ่งเหล่านี้!!!
อาจจะเป็นเพราะว่าสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็น
Lending Indicator อย่างแท้จริง ต่างจากประเทศ ที่พัฒนาแล้ว เช่น การเคลื่อนไหวของดัชนีนิกเกอิในปัจจุบัน
ที่สามารถยืนเหนือระดับ 19000 จุด สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ของประเทศ ที่มีแนวโน้มดีขึ้น
"คุณลักษณะข้อหนึ่งของตลาดหุ้นไทย คือ มักเปลี่ยนแปลงไปตาม emotional factor
มากกว่า fundamental factor ซึ่งคุณลักษณะ ที่กล่าวถึงทำให้การซื้อหรือขายของนักลงทุนต่างชาติมีอิทธิพลสูงต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีดังกล่าว
แม้จะมีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายเพียงประมาณ 30% ของตลาดรวมทั้ง หมดก็ตาม" ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์
วิเคราะห์ (Foreign ขายหุ้น ไม่ใช่เหตุผลทางเศรษฐกิจ)
นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดอื่นในภูมิภาคนี้ ยังมีความด้อยอยู่
โดยเฉพาะจำนวนสินค้า และความหลากหลายของสินค้า ที่จำกัด อีกทั้งมี Growth
Stock ให้เลือกน้อย อาทิ หุ้น ที่กำลังได้รับความนิย มในกลุ่มเทคโนโลยี และอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งประเทศอื่นๆ มีหุ้นดังกล่าวให้เลือกมากกว่า ที่สำคัญผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังขาดทุนอยู่มาก
มีเพียง อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เท่านั้น ที่ด้อยกว่าตลาดหุ้นไทย
อีกทั้งการลดลงของดัชนีหุ้นไทย ที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากตลาดหุ้นแห่งอื่น ในภูมิภาคเดียวกันมี
performance ของตลาดที่ดีกว่า ส่งผลให้บรรดาผู้จัดการกองทุนต่างปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นอื่นๆ
เช่น มาเลเซี ย ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ เมื่อปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดอื่นก็ต้องลดน้ำหนักของตลาดหุ้นไทย
เพราะผลตอบแทนริบหรี่ ปัจจัยสำคัญ ที่นักลงทุนต่างชาตินำมาพิจารณาสำหรับการลงทุน
คือ อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยยังต่ำกว่าระดับ Investment Grade
"การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ จะมีการทำ risk coverage manage- ment คือ
ลงทุนทั้งหุ้นสามัญ ลงทุนทั้งในตราสารอนุพันธ์ จึงอาจมี position ของ opt
ion หรือ future ที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดหุ้นไทย ซึ่งทำสัญญาไว้ใน ตลาด หุ้นประเทศอื่นในแต่ละช่วงเวลา
ที่จะครบกำหนด อาจจะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยได้ไม่ว่าจะทางบวกหรือทางลบ"
จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ได้รับปัจจัยลบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดครั้งล่าสุด
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และยังคาดว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
ในปีนี้อาจจะมีการปรับขึ้นได้อีกนั้น จึงคาดหมายกันว่าใน ระยะปานกลาง และยาว
น้ำหนักการกระจายพอร์ตการลงทุนของกองทุนต่างประเทศจะมุ่งไปสู่ภูมิภาคอื่นโดยตลาดเกิดใหม่ในละติน
อเมริกา
เป็นที่น่าสนใจเมื่อตลาดหุ้นในเอเชีย มีดัชนีปรับขึ้นมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นไทย
จะมีดัชนีปรับลดลงในปีนี้ ตรงกันข้ามปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทย ยังมีน้ำหนักเกื้อหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นได้
โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้นยังเป็นทางเลือก ที่เหมาะสมในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
แต่ต้องประเมินความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นด้วย
นักลงทุนไทยมักเน้นการลงทุนในระยะสั้น ดังนั้น การเกาะติดข่าวสารจึงมีความจำเป็น
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรม ที่อาจจะมีผลต่อบริษัทจดทะเบียนหรือหลักทรัพย์
ที่ลงทุน เช่น ภาวะ ที่กระแสธุรกิจอินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีกำลังมาแรง ทำให้หุ้นในกลุ่มสื่อสาร
และอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับความสนใจ และปรับตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัจจุบันประเทศไทยยังเป็นรองประเทศอื่นของการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี
และยังไม่มีธุรกิจด้านไฮเทคโนโลยีอย่างแท้จริง ดังนั้น การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยโดยเฉพาะช่วงสิ้นศตวรรษ
ที่ 19 จึงมาจาก กระแสในต่างประเทศเป็นปัจจัยหลัก
นั่นหมายความว่าคุณลักษณะของตลาดหุ้นไทยจากนี้ไป อาจจะมีทั้งข้อเท็จจริง
และการหลอกลวงในอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวเนื่องกับอินเตอร์เน็ต อีกเป็นระยะๆ
นักลงทุนควรให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าว ขณะเดียวกันการตัดสินใจลงทุนควรติดตามปัจจัยเชิงมหภาคด้วย
เพื่อความไม่ตื่นตระหนกเมื่อมีปัจจัยเหนือการควบคุมเปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจาก การเปลี่ยนแปลงในบางครั้งไม่ส่งผลกระทบเชิงมหภาคต่อภาวะเศรษฐกิจ
และตลาดหุ้นไทย ถ้ามีความแตกตื่นเหมือนเช่นอดีต คำว่า "แมงเม่าบินเข้ากองไฟ"
จะยังคงบินถลาลม และพร้อมจบชีวิตลงหน้ากระดานหุ้น ที่ไหนสักแห่งอีกต่อไป