Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2540
ถึงทีของซันบ้าง ปี 2543 NC จะโค่น PC             
โดย กุสุมา พิเสฏฐศลาศัย
 

 
Charts & Figures

ผลตอบแทนต่อหุ้นของ ซันไมโครซิสเต็มส์
ผลผลิตต่อพนักงาน (พันเหรียญสหรัฐ)
ยอดขาย ซันไมโครซิสเต็มส์ทั่วโลก
การลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนา (ล้านเหรียญสหรัฐ)
สถิติทางการเงินที่สำคัญสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2539
มูลค่าตลาดไอทีรวมภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น)


   
www resources

โฮมเพจ ซัน ไมโครซิสเต็มส์

   
search resources

ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ประเทศไทย, บจก.
ไลโอเนล ลิม
Networking and Internet




การเติบโตของ ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ก้าวย่างไปพร้อม ๆ กับคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายที่ผู้คนให้ความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นักวิเคราะห์จาก IDC ให้ความเห็นว่า ระบบเครือข่ายจะไปได้เร็วแค่ไหนอยู่ที่การแพร่หลายของเทคโนโลยี JAVA ซึ่งขณะนี้ ซันฯ เร่งปูพรมให้คนรู้จัก JAVA มากขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะแถบเอเชียใต้ซึ่งยอดขายพุ่งกระฉูดปีละ 2-3 เท่าตัว เป็นที่เชื่อกันว่าในปี 2543 มูลค่าตลาดรวมคอมพิวเตอร์เครือข่ายจะแซงหน้าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

การปฎิวัติวงการคอมพิวเตอร์ของบริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับระบบเครือข่ายมากขึ้น ซันใช้ภาษาจาวาเป็นหัวหอกในการบุกทะลวงป้อมปราการของตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งไมโครซอฟท์ และอินเทลครองตลาดอยู่กว่า 80% โดยตั้งความหวังในระยะเริ่มต้น คือ ขอแค่แบ่งเค้กของ 2 ยักษ์ใหญ่นี้บ้างก็พอ แต่จะขอแบ่งไปเรื่อย ๆ จนไม่เหลือเค้กให้ใครหรือไม่นั้นยังเป็นอนาคต

เกมการแข่งขันในวงการคอมพิวเตอร์มีสีสันมากขึ้น เมื่อทุกฝ่ายเริ่มตื่นตัวและพร้อมจะเล่นเกมด้วย ไมโครซอฟท์ อินเทล คอมแพค เดล และเดค จับมือกันประกาศขอลงสนามของคอมพิวเตอร์เครือข่าย (Network Computer / NC) ด้วย โดยการประกาศถึงโครงการ NETPC หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครือข่ายราคาถูก ซึ่งนับเป็นการพลิกตัวที่รวดเร็วไม่น้อย แต่สำหรับสินค้าที่จะออกมาอวดโฉมกันนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องราคาและคุณสมบัติอื่น ๆ ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไป

ในขณะที่ ซัน ออราเคิล ไอบีเอ็ม และผู้ผลิตรายอื่นต่างก็อ้างว่าเครื่อง NC ของตนมีจุดเด่นตรงที่ราคาถูกกว่า เสียค่าบำรุงรักษาน้อยกว่า และใช้งานง่ายกว่า ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างผู้บริโภค คือ ผู้ตัดสินใจ

สำคัญที่จุดยืน

ไม่ว่าสนามของคอมพิวเตอร์เครือข่ายจะมีคนลงมาเล่นมากน้อยแค่ไหน จะเป็นลักษณะอย่างไร จุดสำคัญคือเรื่องจุดยืน ความชำนาญและการฟิกซ้อมของแต่ละฝ่าย

นักกีฬา ย่อมมีเลือดนักกีฬาวันยังค่ำ แต่การเล่นกีฬาที่ถนัดย่อมมีโอกาสชนะคนที่ไม่ถนัดมากกว่า วิถีทางเดียวที่นักฟุตบอลจะมาแข่งบาสเกตให้ชนะ คือ การฟิตซ้อมให้มากกว่าเจ้าสนามเดิมและมีทีมเวิร์กที่ดี แต่ก็ต้องระวังเสียแชมป์ในกีฬาที่ตนมีเวลาเอาใจใส่น้อยลงด้วย การทุ่มงบวิจัยและพัฒนาของบริษัทคอมพิวเตอร์แต่ละแห่งคงจะพอตอบคำถามได้ว่า บริษัทเหล่านี้ตั้งใจพัฒนาฝีมือกันแค่ไหน

ย้อนกลับมาดูที่ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ตลอดเวลา 14 ปีที่ผ่านมา นับแต่การก่อตั้งบริษัท ซัน ประกาศวิสัยทัศน์ว่า "ระบบเครือข่าย คือ คอมพิวเตอร์" โดยเชื่อมั่นว่า การทำงานของคอมพิวเตอร์ควรจะติดต่อสือ่สารกันได้โดยตรง เหมือนกับการทำงานของมนุษย์ผู้ที่นั่งควบคุมอยู่หน้าจอของมัน

แต่หากดูไปให้ลึกอีกสักนิดจะพบว่า สินค้าที่ซันมีอยู่ 5 ชนิด คือ เวิร์คสเตชั่น เซิร์ฟเวอร์ สินค้าบริการ ซอฟต์แวร์ และสปาร์ค เทคโนโลยี สินค้าเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายทั้งสิ้น

วิสัยทัศน์ทำให้เกิดสินค้า หรือสินค้าคือที่มาของวิสัยทัศน์คงไม่สำคัญนัก แต่เมื่อมีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องและมีการพัฒนาสินค้าที่สอดคล้องกัน นั่นคือเป้าหมายและจุดยืนว่าซันกำลังอยู่ในสนามอะไร เล่นกีฬาอะไร

หลังเปิดตัวจาวา ซันยอดขายพุ่งกว่า 30%

จากงบการเงินของซัน ไมโครซิสเต็มส์ พบว่า ซันมียอดขายในปีงบประมาณ (1 ก.ค. - 30 มิ.ย.) ของปี 2537 2538 และ 2539 เท่ากับ 4,690 5,902 และ 7,905 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ หรือคิดเทียบกันปีต่อปีแล้ว ซันมีอัตราการเติบโตในปี 2538 เท่ากับ 26% และปี 2539 เท่ากับ 34% โดยมีส่วนต่างของกำไรสุทธิต่อยอดขาย (Net profit margin) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 4.2% ในปี 2537 เป็น 6.0% และ 6.7% ในปีต่อ ๆ มา

และสำหรับไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2540 (ก.ค. - ก.ย. 39) ซันมียอดขาย 1,859 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าในไตรมาส 1 ปี 2539 เท่ากับ 25% โดยมีกำไรต่อหุ้น (Earning per share) เท่ากับ 0.63 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น

ซันมีตัวเลขยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีเพิ่มขึ้นค่อนข้างต่อเนื่องเช่นกัน อย่างไรก็ดี ในปีงบประมาณ 2539 ซันมียอดขายที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบูมของภาษาจาวา ซึ่งเป็ตจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ให้เข้ามาสู่ระบบเครือข่ายมากขึ้น ทั้งนี้หลังจากการประกาศตัวของจาวาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2538 มานั้น ราคาหุ้นของซันได้ทะยานขึ้นกว่า 3 เท่าตัวแล้ว

ปัจจุบันโปรแกรมเมอร์กว่า 300,000 คน กำลังขะมักเขม้นในการสร้างและพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาจาวา ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 3 เดือนก่อนถึง 100% ในสหรัฐอเมริกา มีหนังสือเกี่ยวกับจาวากว่า 150 ไตเติ้ลวางขายอยู่ในตลาดขณะนี้ เหตุที่ผู้คนให้ความสนใจกับภาษาจาวามาก เนื่องจากเป็นภาษาที่ง่าย และค่อนข้างปลอดภัยนั่นเอง

สำหรับยอดผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกขณะนี้มีอยู่ประมาณ 128 ล้านคน และมีอัตราการขยายตัวถึงปีละ 128 ล้านคน และมีอัตราการขยายตัวถึงปีละ 42% โดยมีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์มากกว่า 12.8 ล้านเครื่องใน 175 ประมาณทั่วโลก

ซันลุยเอเชียใต้ ปูพรมให้คนรู้จักจาวาก่อน

ตลาดที่กำลังโตอย่างเอเชีย ดูเหมือนจะเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะจากซีกโลกตะวันตก ซึ่งเศรษฐกิจอยู่ในขั้นอิ่มตัวแล้ว คนเหล่านี้ต่างนำธุรกิจมากกมายและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชีย และแน่นอนธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน

ไลโอเนล ลิม กรรมการผู้จัดการซัน ไมโครซิสเต็มส์ ประจำภูมิภาคเอเชียใต้ กล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้มีอัตราการเติบโตที่สูงมากอย่างต่อเนื่องและคาดว่าในปี 2540 นี้ ยอดขายในส่วนของเอเชียใต้จะเติบโตประมาณ 2-3 เท่าตัว

ลิม กล่าวว่า การขยายตัวของยอดขายเฉพาะในภูมิภาคนี้สำหรับปีงบประมาณ 2539 เทียบกับปีงบประมาณ 2538 เพิ่มขึ้นถึง 69% โดยเป็นส่วนของเอ็นเตอร์ไพร์ส เซิร์ฟเวอร์เติบโต 40% และเน็ตตร้าอินเตอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ ยูนิตเติบโตขึ้น 130%

เขามองว่า สินค้าสำคัญที่จะสามารถขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อไปในภูมิภาคนี้คือ เอ็นเตอร์ไพร์ส เซิร์ฟเวอร์ระดับสูง เน็ตตร้า อินเตอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ และจาวาสเตชั่น พร้อมทั้งตั้งเป้าว่า ในปี 2543 ซันจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายโดยเฉลี่ยประมาณ 50% และสามารถทำรายได้จากภูมิภาคเอเชียใต้ได้ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของซันแบ่งตามภูมิภาคจะมาจากสหรัฐอเมริกาประมาณ 45% ยุโรป 23% ภูมิภาคอื่น ๆ อีก 32%

จากการวิจัยของอินเตอร์เนชั่นแนลดาต้า คอร์เปอร์เรชั่น (IDC) พบว่า มูลค่าตลาดไอทีรวมในภูมิภาคเอเชีย/แปซิฟิก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่นมีการขยายตัวที่รวดเร็วมาก และคาดการณ์ว่าในปี 2540 มูลค่าตลาดรวมไอทีจะประมาณ 51,900 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2543 จะโตเป็น 86,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ปี 2539 นี้คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 43,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น หรือเทียบเป็นอัตราการขยายตัวต่อปีเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2538 - 2543 เท่ากับ 20.3%

เดนนิส ฟิลบิน รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการของ IDC เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวถึงแนวโน้มสำคัญของภูมิภาคนี้ในช่วง 2540 - 2543 ว่า ตลาดจะยังเป็นของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเซิร์ฟเวอร์ ส่วนโอกาสของตลาดอินเตอร์เน็ตจะเริ่มเข้ามาอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นไป

เขามองว่า อัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาด PC นับตั้งแต่ปี 2538 - 2543 จะเท่ากับ 23.5% โดยในปีนี้จะขยายตัวประมาณ 27.6% และในปี 2543 โครงสร้างของตลาด PC จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยกระจายตัวไปตามบ้านเรือนมากขึ้น ซึ่งอาจจะแบ่งโครงสร้างได้เป็นครัวเรือน 30% ธุรกิจขนาดกลาง 21% ธุรกิจขนาดใหญ่ 17% ธุรกิจขนาดเล็ก 14% ภาคการศึกษา 7% ภาคราชการ 6% และบริษัทขนาดเล็ก 5%

ลิม กล่าวถึงการขยายตัวของซันในภูมิภาคเอเชียใต้ว่า "สิงคโปร์มีอัตราการเติบโตถึง 110% รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ 100% มาเลเซีย 65% ส่วนไทยโต 45% ซึ่งเป็นสองเท่าของตลาดไอทีรวมในประเทศไทยที่โตขึ้น"

ประเทศที่ลิมสนใจอยู่ในขณะนี้ คือ เวียดนาม ซึ่งซันเพิ่งเข้ามาเปิดตลาดไปได้ไม่นานนัก เหตุผลสำคัญ คือ เวียดนาม เป็นศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในปี 2538 รายได้ประชาชาติของเวียดนามขยายตัวถึง 10% ส่วนในปีนี้มีการปรับตัวลดลงบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับ 8 - 10%

อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีปัญหาในเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามมีโครงการขยายถนนหลายสาย สร้างท่าเรือ และระบบโทรคมนาคม ซึ่งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการเหล่านี้จะเป็นส่วนที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เวียดนามได้มากในอนาคต

ในส่วนของประเทศไทยนั้น ยังคงติดปัญหาในเรื่องของค่าบริการอินเตอร์เน็ตซึ่งค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ลิมเชื่อว่าผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในไทย (ISP) จะมีการผลักดันให้ภาครัฐลดค่าบริการลงได้ในไม่ช้านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายของซันในเมืองไทยต่อไป

สิ่งสำคัญที่เขาต้องเร่งทำในขณะนี้ก็คือ การประชาสัมพันธ์ให้คนในภูมิภาคเอเชียรู้จักเทคโนโลยีของจาวา "ในปีนี้ IDC พูดกันมากถึงการเติบโตของตลาด PC ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปี 2523 ขณะที่เห็นว่าตลาดเมนเฟรมกำลังตายลง ผมเชื่อว่า คนที่จะเข้ามาแข่งขันต่อไปจำเป็นที่จะต้องมีเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยีของจาวา ยิ่งเราทำให้คนทั่วไปรู้จักเทคโนโลยีของจาวาเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น" ลิมสรุป

แน่นอนการเผยแพร่ให้ผู้คนรู้จักเทคโนโลยีของจาวานั้น ซันทำมาโดยตลอดนับแต่วันแรกที่ประกาศภาษาจาวาให้ทั่วโลกได้รู้จัก แต่แนวทางสำคัญที่ซันจะทำในอนาคต คือ การสร้างศูนย์ข้อมูลในการเผยแพร่เทคโนโลยีนี้ด้วย

การเผยแพร่ข้อมูลจะเป็นการดึงดูดให้คนเข้ามาใช้เทคโนโลยีของจาวา ซึ่งก็หมายถึงการขายสินค้าได้มากขึ้น เพิ่มยอดขาย และผลกำไรให้แก่บริษัทในที่สุด

สำหรับเทคโนโลยีของจาวาที่ประกาศเปิดตัวมาอย่างต่อเนื่องนั้น โดยมีภาษาจาวาเป็นหัวหอกตามด้วย ระบบปฏิบัติการจาวา (จาวาโอเอส) จาวาชิพ จาวาเทรนนิ่ง จาวาเวิร์กชอฟ จาวาบีน และที่เปิดตัวล่าสุด คือ จาวาสเตชั่น

ซันได้วางเป้าหมายว่า เทคโนโลยีของจาวาจะเข้าถึงผู้ใช้ประมาณ 25 ล้านคนในปี 2540 เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำในวงการคอมพิวเตอร์ โดยการยอมรับจาวาเป็นมาตรฐานภาษาโปรแกรม เช่น แอปเปิล ฮิวเลตต์แพคการ์ด ฮิตาชิ ไอบีเอ็ม ไมโครซอฟต์ โนเวล ชิลิ คอนกราฟฟิก ดิจิตอลอีควิปเมนท์คอร์เปอร์เรชั่น ออราเคิล เป็นต้น

ปี 2543 ระบบเครือข่ายจะชนะ PC

ปี พ.ศ. 2543 หรือปี ค.ศ. 2000 เป็นปีที่ธุรกิจแทบทุกชนิดตั้งเป้าถึงการเปลี่ยนแปลงมากมาย สำหรับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจคอมพิวเตอร์ก็คงไม่แตกต่างเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ซัน ไมโครซิสเต็มส์ได้ประกาศเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์เครือข่าย หรือ NC อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา

สก็อตต์ แมคนิลลีย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารของซัน กล่าวในงานแถลงข่าวว่า "วันนี้ล่ะ ที่คุณจะได้เข้าใจว่าทำไมระบบเครือข่าย คือ คอมพิวเตอร์ ซึ่งมันเป็นมาตั้งแต่ปี 2527 แล้ว"

ซัน อ้างว่า ระบบ NC ของตนมีจุดเด่นที่ราคาถูก เสียค่าบำรุงรักษาน้อย และใช้งานได้ง่าย จาวาสเตชั่นจะเริ่มวางตลาดในเดือนธันวาคมนี้โดยมีราคาต่ำสุดเพียง 742 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถูกกว่าเครื่อง PC โดยทั่วไปไม่น้อยกว่า 25%

ลิม อธิบายว่า "ขณะนี้คลื่นของจาวาสเตชั่นบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ จากการสำรวจของเราพบว่า ในองค์กรใหญ่ ๆ มีการใช้ PC แต่ละเครื่องเพียง 10-20% ของความสามารถทั้งหมดของมันเท่านั้น"

เขายกตัวอย่างถึงพนักงานประจำเคาน์เตอร์ในธนาคาร (เทลเลอร์) ซึ่งจะใช้ PC เพียงเพื่อตรวจเช็กข้อมูล และป้อนข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ PC สามารถทำอะไรได้อีกมากมาย แต่ธนาคารทั้งหลายที่ต้องการระบบอัตโนมัติก็ไม่มีทางเลือก จึงต้องซื้อเครื่อง PC ซึ่งมีราคาแพงมาใช้ในงานเหล่านี้ด้วย

"จาวาสเตชั่น คือ ทางเลือกใหม่" ลิม กล่าวสรุป

จาวาสเตชั่น หรือเครื่องลูกข่าย มีรูปร่างเป็นกล่องสีเทาดำ ขนาด 9x12 นิ้ว ไม่มีช่องใส่แผ่นดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ สลอตและอื่น ๆ การทำงานของมันจะใช้วิธีการดึงโปรแกรมผ่านระบบเครือข่ายภายใน เช่น เซิร์ฟเวอร์ หรืออินเตอร์เน็ตมา
ระบบภายในของจาวาสเตชั่นจึงไม่ซับซ้อนนัก เพราะไม่จำเป็นต้องมีหน่วยความจำมาก ๆ มีความสามารถสูง ๆ เนื่องจากทุกอย่างสามารถดึงมาจากเครือข่ายได้ การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องก็ทำเพียงจุดเดียวที่เซิร์ฟเวอร์เท่านั้น จึงทำให้จาวาสเตชั่นมีราคาถูก อัพเกรดได้ง่าย

ซึ่งในจุดนี้เองทำให้องค์กรที่มีการแข่งขันสูง และจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้าช่วย มีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีของตนให้ทันสมัยขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้จ่ายสูงนัก

ซันเองไม่ได้คาดหวังว่า จาวาสเตชั่นจะสามารถติดตลาดได้ในเร็ววัน แต่หากเชื่อว่าจะโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยข้อมูล IDC ในสหรัฐอเมริกามองว่า อาจจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีในการตีตลาดเครื่อง PC พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าอนาคตของเครื่อง NC นี้ขึ้นอยู่กับการแพร่หลายของเทคโนโลยีจาวาด้วย

สิ่งที่ซันมองมิใช่เพียงการสร้างตลาด NC จากผู้ใช้คอมพิวเตอร์กลุ่มใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ซัน มองไปถึงตลาดทดแทนด้วย

ไตรรัตน์ ใจสำราญ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ลอจิก จำกัด ดีลเลอร์ของซัน กล่าวว่า เครื่อง เวิร์กสเตชั่น เซิร์ฟเวอร์ PC และดัมป์เทอร์มิเนล มากมายกำลังล้าสมัย ซึ่งซันประเมินว่าจะมีประมาณ 30% ซึ่งรวม ๆ แล้วนับล้านเครื่องต่อปี "ซันไม่ได้หวังเอาทั้งหมดหรอก ขอแค่ส่วนหนึ่งก็พอ"

จากคุณสมบัติของจาวาสเตชั่น ที่ว่าราคาถูก บำรุงรักษาง่าย ใช้ได้ง่าย ประกอบกับกระแสการต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์ให้เป็นระบบเครือข่าย ซึ่ง IDC คาดว่าจะเริ่มต้นอย่างจริง ๆ ในปี 2543 ทำให้ผู้บริหารของซันมองว่า เมื่อเวลานั้นมาถึงตลาดจะเป็นของ NC มากกว่าที่จะเป็นของ PC อย่างทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปี 2543 ตลาดจะเปลี่ยนมาเป็นของ NC อย่างที่ใคร ๆ คาดคิด แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าทั้งหมดหรือส่วนใหญ่จะเป็นตลาดของซัน ไมโครซิสเต็มส์ ณ วันนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ต่างมองเห็นจุดนี้ด้วยกันทั้งนั้น และทุกค่ายต่างเตรียมตัวที่จะเข้ามาแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ ซันอาจจะได้เปรียบในแง่ของผู้ที่เห็นหนทางก่อน และเดินนำหน้าไปแล้วพร้อมกับเทคโนโลยีจาวาซึ่งทำให้เดินได้เร็วขึ้น แต่มิได้หมายความว่า ซันจะถึงเส้นชัยก่อนเสมอไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us