|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
*"ชายนิด โง้วศิริมณี" เจ้าของฉายาแมวเก้าชีวิต ประกาศยุทธศาสตร์การลงทุน เน้นคล่องตัว ปรับเปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็ว หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
*ตะลุยสร้างบ้านทุกเซกเมนท์ ตั้งแต่ 1-10 ล้านบาทขึ้นไป หวังกินรวบตลาดกลางล่างยันตลาดบน
*ปูพรมโครงการ" เมโทร พาร์ค" คอนโดมิเนียมระดับกลาง ย่านสาทร
บทเรียนอันแสนสาหัสที่เกิดขึ้นกับพร็อพเพอร์ เพอร์เฟค หลังจากฟองสบู่แตกในช่วง ปี 40-41 ทำให้ทุกวันนี้ ทุกย่างก้าวของการก้าวเดินจะมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งก่อนจะก้าวเดินจะต้องศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดก่อนที่ลงทุนโครงการทุกแห่ง รวมถึงการกำหนดยุทธศาสตร์จะต้องถูกต้อง และแม่นยำ จะไม่ลงทุนอะไรที่มีความเสี่ยงสูง หรือตามกระแสอย่างเด็ดขาด เพราะโครงการอาจจะขายไม่ได้ ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะนำปัญหามาสู่องค์กรเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีก การเลือกลงทุนโครงการใหม่จะอิงกับความต้องการของลูกค้า และสภาพเศรษฐกิจ ตลอดจนตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นสิ่งสำคัญ
มาวันนี้ "ชายนิด โง้วศิริมณี"กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เจ้าของฉายา"แมวเก้าชีวิต" กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่เพอร์เฟคฯได้รับในอดีต จะทำให้วันนี้และวันข้างหน้าเพอร์เฟคฯจะก้าวไปอย่างมั่นใจ และจะไม่ยอมล้มลุกคลุกคลานเหมือนอดีตอีก
ดังนั้น การกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานของเพอร์เฟคฯจะต้องถูกกำหนดไปในทิศทางที่ถูกต้อง แม่นยำ ที่สำคัญจะต้องสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์
เตรียมแผนก็อกสองรับมือ
นั่นคือ แผนการทำงานทุกอย่างจะถูกวางแผนไว้อย่างรัดกุม ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นใด การวางแผนจะมีแผนสองรองรับเสมอ นอกจากนี้ หากเกิดสถานะการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจที่อาจจะเกิดผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ เพอร์เฟคฯพร้อมที่จะพลิกแผนทันที และปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจจะเกิดจากปัจจัยลบทั้งภายในและนอกประเทศ รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล สภาพเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
ชายนิด กล่าวว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ของเพอร์เฟคฯ มาจากการนำประสบการณ์ในอดีตในช่วงเศรษฐกิจดิ่งเหวใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงนั้น ผู้ประกอบการทุกราย รวมถึงเพอร์เฟคฯประสบปัญหากันทั้งนั้น จนทำให้ต้องปรับโครงสร้างองค์กร และโครงสร้างหนี้กัน เพื่อความอยู่รอด ในขณะนั้น ใครที่ปรับตัวได้เร็วจะได้เปรียบกว่าองค์กรที่ปรับตัวช้า
สำหรับยุทธศาสตร์ของเพอร์เฟคยังคงเน้นการลงทุนเกาะแนวระบบรางต่อไป ในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นบนดิน มุดดิน หรือลอยฟ้า เพราะเชื่อว่าการเติบโตของที่พักอาศัยของไทยจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการขยายตัวในต่างประเทศ ทั้งยุโรป อเมริกา อังกฤษ โดยเฉพาะสิงค์โปร์ และฮ่องกง ที่ตั้งอยู่ในใกล้ไทย
"รูปแบบการลงทุนของเพอร์เฟคฯจะยึดแนวการลงทุนจากประเทศที่มีภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ที่คล้ายกับไทย โดยที่ผ่านมาได้ศึกษารูปแบบการลงทุนจากหลายประเทศ และนำข้อดีของประเทศเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในโครงการของเพอร์เฟคฯ เช่น จีน และสิงค์โปร์"
เน้นราคา 1-10 ล้านคลุมทุกเซกเม้นท์
ส่วนแผนการลงทุนของเพอร์เฟคฯจะหันมาทำบ้านที่เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทุกเซกเมนท์ ครอบคลุมราคาตั้งแต่ 1-10 ล้านบาทขึ้นไป โดยใช้แบรนด์ที่มีอยู่ 4 แบรนด์เป็นตัวกำหนดลักษณะ รูปแบบ และราคาบ้าน ซึ่งแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิดในวงการอสังหาริมทรัพย์ คือ เมโทร พาร์ค (Metro park) โดยเมโทร พาร์ค จะเป็นแบรนด์ที่เพอร์เฟคฯใช้ในการทำคอนโดมิเนียม ระดับกลาง ราคาเฉลี่ยที่ 1-2 ล้านบาทขึ้นไป
"เมโทร พาร์ค มาจากคำ 2 คำ ที่แสดงถึงลักษณะเด่นของโครงการ โดยเมโทร (Metro) หมายถึงมหานคร ที่แสดงถึงการอยู่อาศัยสำหรับคนเมืองอย่างแท้จริง ส่วนคำว่าพาร์ค (park) หมายถึงสวน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโครงการเมโทร พาร์ค เป็นโครงการที่มีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่เปิดโล่งมากกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป"
สำหรับอีก 3 แบรนด์ ได้แก่ เพอร์เฟค พาร์ค ราคาประมาณ 3 ล้านบาท เพอร์เฟค เพลส ราคา 4-6 ล้านบาท และเพอร์เฟค มาสเตอร์พีช ราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไป โดยการลงทุนจะเน้นแบรนด์เพอร์เฟค เพลส มากที่สุด ราว 50% เนื่องจากเป็นบ้านระดับกลางที่ตลาดใหญ่ที่สุด ตามด้วยแบรนด์เมโทร พาร์ค และเพอร์เฟค พาร์ค ในสัดส่วนเท่ากัน คือ 20% ส่วนเพอร์เฟค มาสเตอร์พีช จะลงทุนน้อยที่สุดคือ 10%
กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทลงทุนโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลัก มีทาวน์เฮาส์บ้างนิดหน่อยในช่วงหลายปีก่อน ภายใต้แบรนด์ นันทนา การ์เด้นท์ ส่วนปลายปีนี้ต่อเนื่อง 4-5 ปีข้างหน้า จะลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมด้วย เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และมีสินค้าหลากหลายเพิ่มขึ้น โดยมองว่าคอนโดมิเนียมระดับปานกลาง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง และเกาะแนวระบบรางจะได้รับความนิยมมากขึ้น และจะมาทดแทนตลาดทาวน์เฮาส์ที่นับวันจะมีความต้องการน้อยลง
ในอนาคตอันใกล้คอนโดมิเนียมกลางเมืองจะเป็นตลาดที่ขยายตัวสูงมาก จากการลงทุนโครงการระบบรางของภาครัฐที่ตามนโยบายจะมีการลงทุนโครงการใหม่ ๆ มากกว่า 7 เส้นทาง คิดมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบา ซึ่งจะทำให้มีชุมชนที่อยู่อาศัยเกิดใหม่อีกหลายชุมชน เกาะตามแนวรถไฟฟ้า ทั้งบนดิน ลอยฟ้า และมุดดิน รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามไล์ฟสไตล์คนรุ่นใหม่ ที่นิยมอยู่ตามแนวโครงข่ายระบบราง เพื่อให้การเดินทางสะดวกที่สุด
|
|
|
|
|