|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
TPAC เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 2.80 บาท ซึ่งเป็นราคา ที่ให้ส่วนลดถึง 20% พร้อมนำ 20 ล้านหุ้นเปิดจองซื้อ 28-29 พฤศจิกายนนี้ ก่อนเข้าซื้อขายในตลาด mai 7 ธันวาคมนี้ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่แจงผู้จองซื้อไม่ผิดหวังเพราะบริษัทให้ผลตอบแทนที่ดี ยันไม่ขายหุ้นทิ้ง
นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (MODERN) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท พลาสติก และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) (TPAC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจใน TPAC ว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีแกนักลงทุนซึ่งบริษัทก็ถือหุ้นมาเป็นเวลา 10 ปี และมีการจ่ายเงินปันผลมาทุกปีในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งบริษัทยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นออกมา โดยภายหลังการขายหุ้นบริษัทจะถือหุ้น 48%
นางสาวสุนันท์ เลิศสีทอง ผู้อำนวยการฝ่ายสายธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาการเงินกล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนให้ความ สนใจจองซื้อหุ้นของ TPAC จำนวน มาก โดยการตั้งราคาหุ้นที่ 2.80 บาท นั้นคิดจากค่า P/E 5.5 เท่า มี ส่วนลดให้แก่นักลงทุน 20% จาก P/E กลุ่มที่ 7 เท่า และสินค้าของบริษัทก็เป็นที่รู้จักของนักลงทุนแต่การที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ราคาหุ้นก็คงจะไม่หวือหวา แต่มั่นใจว่าหุ้น TPAC จะเป็นหุ้นที่ดีที่สุดอีกบริษัทหนึ่ง
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้จำนวน 20 ล้านหุ้นแบ่งเป็น เสนอขายนักลงทุนสถาบันจำนวน 2 ล้าน หุ้น และอีก 18 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไปโดยจะมีการเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นในวันที่ 28-29 พ.ย. และเข้าซื้อขายในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ นาย ปรีชา ศรีอัศวกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท.พลาสติกและ หีบห่อ ไทย จำกัด (มหาชน)หรือ TPAC กล่าวว่า
บริษัทคาดว่าหุ้นของบริษัทจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ก็มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อจำนวนมาก เนื่องจาก ราคาหุ้นของบริษัทนั้นถือ ว่าไม่สูงและให้ผลตอบแทนจากการ ลงทุนประมาณ 7% จึงเป็นหุ้นที่เหมาะกับการถือระยะยาวและคงไม่มีความกังวลกับภาวะตลาด หลักทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนประมาณ 56 ล้านบาทไปลงทุนในเครื่องจักรและแม่พิมพ์เพื่อขยายกำลังการผลิตปรับปรุงอาคารโรงงานและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทต่อไป โดย ปัจจุบัน บริษัทที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1.3 เท่าหลังจากขายไอพีโอแล้วชะลดลงเหลือประมาณ 1 เท่า
สำหรับผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นจากปี 10-15% จากปี 47 ที่มีรายได้ 585 ล้าน บาท โดย 9 เดือนบริษัทมีรายได้ 459 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 28 ล้านบาทและคาดปี 49 จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 48 จากการที่บริษัท จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตและบริษัทมีโครงการที่จะขายสินค้าส่งออกโดยตรงและโครงการ PET
|
|
|
|
|