Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2548
Update             
โดย วิรัตน์ แสงทองคำ
 


   
search resources

Education




ผมเขียนเรื่องการศึกษามาครบปีพอดี คิดว่าในปีหน้าคงเขียนเรื่องอื่นๆ บ้าง ตามความสนใจของตนเองและกระแสสังคมที่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง

งานเขียนชิ้นแรกของผมยังน่าสนใจ ที่น่าสนใจมากกว่า แนวคิดและสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างใดหรือไม่

"ระบบการศึกษาของไทยในระดับพื้นฐานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ที่มิใช่มาจากความพยายามปรับตัวทางเทคนิคของกระทรวงศึกษาธิการของไทยแต่อย่างใดไม่ หากเป็นผลพวงมาจาก 'ความล้มเหลว' ของระบบการศึกษาที่มีดัชนีบ่งชี้หนักแน่นอย่างไม่เคยมีมาก่อนมากขึ้นๆ

โดยเฉพาะการศึกษาของผู้คนระดับบนของสังคมไทยผู้คนกลุ่มนี้เผชิญแรงบีบคั้นจากโลกยุคใหม่มากกว่าคนทั่วไป มีความคาดหวังต่อการศึกษาของบุตรหลานของตนเองมากกว่า ต้องการบุคลากรที่มีการศึกษาที่ดีมาทำงานให้มากกว่า บุคคลกลุ่มนี้คือพลังที่เปลี่ยนแปลงความคิดที่มีปฏิกิริยาต่อสังคมอย่างกระฉับกระเฉง ที่เปลี่ยนแปลงมากกว่าทั่วไป" คัดมาจากนิตยสารผู้จัดการ ฉบับเดือนมกราคม 2548

ในตอนนั้นผมอ้างการจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก 500 อันดับแรก (Academic Ranking of World University 2004) ปรากฏว่าไม่มีมหาวิทยาลัยไทยติดแม้แต่แห่งเดียว แม้ว่าการจัดครั้งนี้ จะมาจากมหาวิทยาลัยของจีนแผ่นดินใหญ่ (Institute of Higher Education, Shanghai Jiao Tong University) มหาวิทยาลัยในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อินเดีย หลายแห่งอยู่ในอันดับนี้ยิ่งไปกว่านั้นใน Top 100 Asia-Pacific University มหาวิทยาลัยไทยก็ไร้วี่แวว

Academic Ranking of World University 2005 มหาวิทยาลัยไทย ก็ยังไร้วี่แววเหมือนเดิม ที่น่าสนใจ งานชิ้นนี้ให้ความ สำคัญด้านงานวิจัย

ยังมีการจัดอันดับอีกที่หนึ่งที่ผมไม่ได้อ้างในตอนนั้น World University Ranking ของ The Times Higher Education Supplement ของอังกฤษ จัดอันดับ 200 แห่ง สำหรับปี 2004 มหาวิทยาลัยของไทยไม่ปรากฏในชาร์ตเลย ปีนี้ (2005) ดีขึ้นมาหน่อย ที่จุฬาฯ เข้าอันดับกับเขาด้วย ในอันดับท้ายๆ ของชาร์ต

"ขณะเดียวกันมีการปรับตัวของมหาวิทยาลัยอย่างน่าสนใจ ที่ดูเหมือนมีความคิดระดับโลกมากขึ้น ช่วงใกล้นี้มหาวิทยาลัยไทยมีพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยระดับโลกมากขึ้นอย่างครึกโครม แม้ว่าแนวความคิดนี้จะเกิดขึ้นมาแล้วนับสิบปี แต่ในช่วงนี้ถือเป็นการปรับขบวนกันครั้งใหญ่ มีหลักสูตรนานาชาติที่ให้ Double Degree ดูเหมือนเป็นความก้าวหน้าของเรา แต่ความจริงเป็นการยอมรับความ 'ล้าหลัง' ของตนเอง เพราะเป็นการสร้างพันธมิตรฝ่ายเดียว (ความ หมายที่แท้จริงคือมหาวิทยาลัยไทยเป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัยระดับโลก) มีความหมายเฉพาะในเมืองไทย ตลาดไทย แต่ต้องแบ่งค่าเล่าเรียนให้มหาวิทยาลัยต่างประเทศ เป็นความคิดที่ยอมรับว่าเครดิตของมหาวิทยาลัยไทยตกต่ำ จนต้องใช้เครดิตของมหาวิทยาลัย ต่างประเทศมาเสริม

แต่นัยหนึ่งก็คือมหาวิทยาลัยและระบบการศึกษากำลังถูกผลักดัน เข้าไปอยู่ในเครือข่ายการศึกษาระดับโลกมากขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทรงพลัง อิทธิพลมากกว่าเครือข่าย Fast foods มากมายนัก"

ความจริงแล้วมหาวิทยาลัยไทยมีความพยายามปรับตัวเปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษกันมากขึ้นๆ ทุกปี สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากขึ้น ในเมื่อ หลักสูตรปกติ มาตรฐานระดับโลกยังมีปัญหา ซึ่งควรจะแก้ไขพัฒนาในสาระมากกว่าจะพัฒนาในเชิงรูปแบบ

ผมได้อ่านงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งศึกษาความสามารถของนักเรียนอายุ 15 ปี จากหน่วยงาน OECD (Organization for Economic Cor-peration and Development) ที่เรียกว่า PISA (The Program for International Student Assessment) รายงานฉบับนี้เป็นการศึกษาที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2000 นับเป็นรายงานฉบับที่สอง (PISA 2003) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคม 2004 ในหัวข้อ Learning for Tomorrow's World

"ความจริงเป็นการศึกษาความสามารถในการใช้วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การอ่าน และการแก้ปัญหาในชีวิตจริงของวัยรุ่นในประเทศ อุตสาหกรรม (30 ประเทศ) และประเทศที่เป็นพาร์ตเนอร์ อีก 11 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ผลของรายงานฉบับนี้ ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มท้ายตารางในทุกวิชา นอกจากจะสะท้อน 'ความล้มเหลว' ของระบบการศึกษาอย่างหนักอีกครั้งหนึ่งแล้ว ยังเป็นการทำลายความเชื่อที่ว่าเด็กไทยในฐานะเป็นคนเอเชียที่เก่งคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากกว่าโลกตะวันตกเสียสิ้น

เช่นเดียวกันการปรากฏขึ้นของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย อย่างเป็นระบบนั้นไม่เกิน 5 ปีมานี้ และกำลังกลายเป็นสิ่งที่น่าทึ่งของระบบการศึกษาไทยที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ระดับโลก ทั้งในมาตรฐานการศึกษาและธุรกิจระดับภูมิภาคใหม่ของไทยด้วย

แม้ว่าประเทศไทยจะมีโรงเรียนนานาชาติมาแล้วประมาณ 50 ปี แต่อยู่ในวงแคบๆ และมีการก่อตั้งโรงเรียนชนิดนี้กันมากในช่วงรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน ที่เปิดเป็นธุรกิจเสรี แต่ความจริงพัฒนาการและการ ปรับตัวครั้งใหญ่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เอง

เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ประเทศไทยเป็นแห่งเดียวในโลกที่มีโรงเรียนนานาชาติขึ้นอย่างครึกโครม เป็นแห่งเดียวในโลกที่โรงเรียนเอกชนชั้นนำของอังกฤษถึง 4 แห่งเปิดเครือข่ายของตนเองในประเทศไทย ประเทศที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ประเทศที่มิได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และเป็นประเทศที่มี 'ความล้มเหลว' ในการเรียนการสอน ภาษาอังกฤษอย่างมากด้วย"

ปีนี้โรงเรียนนานาชาติยังผุดขึ้นต่อเนื่อง แต่สัญญาณความรุ่งเรือง ลดลง จำนวนนักเรียนไม่เพิ่มอย่างที่คาด เริ่มมีความวิตกกันว่า บรรดาโรงเรียนนับ 100 แห่งที่เกิดขึ้นนี้ จะต้องมีการล้มหายตายจากไปบ้างเป็น แน่ ทั้งนี้ไม่รวมการถอนตัวจากประเทศไทย ของ Dulwich College แห่งอังกฤษที่สั่นสะเทือนวงการนี้พอสมควร

http://ed.sjtu.edu.cn/ranking.htm
http://www.thes.co.uk/worldrankings/
www.pisa.oecd.org   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us