|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ธันวาคม 2548
|
|
ภาวะตลาดหุ้นปลายปีผันผวนมากและไปในทางลงมากกว่าขึ้น นักลงทุนหลายคนที่ยังเชื่อใน "January Effect" ยังคงทยอยซื้อสะสมรอ นักเก็งกำไร หลายคนยัง "คลุกวงใน" ด้วยความเชื่อในขาขึ้นรอบใหม่ต้นปีหน้า ในขณะที่หลายต่อหลายคนถอดใจหยุดพักหรือเลิกเล่นไป ภาวะเช่นนี้คงทำให้แทบทุกฝ่ายที่พูดไปเคยนึกทบทวนตัวเองว่าเหมาะกับการลงทุนหรือ "เล่นหุ้น" หรือไม่? นำไปสู่กระทู้ที่ได้ "hit rate" สูงโดดเด่นในเว็บบอร์ด pantip.com/cafe/sinthorn ในหัวข้อ "จิตใจที่เหมาะสมสำหรับการเล่นหุ้น"
"จิตใจที่เหมาะสมสำหรับการเล่นหุ้น"
pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3886108/I3886108.html
กระทู้นี้ผู้เขียนออกตัวว่าเล่นหุ้นมาได้เพียง 1 ปี 2 เดือน แต่ก็รู้ได้ถึงความสำคัญของสภาวะจิตใจ ความเชื่อพื้นฐานบางอย่างที่นักเล่นหุ้นควรจะมี ซึ่ง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของกระทู้เองที่พร้อมจะรับการโต้แย้งและเพิ่มเติมจากผู้อื่นเสมอ เนื้อหาพอสรุปได้เป็น 9 ข้อดังนี้
1. เล่นเพราะมันสนุก เราต้องการเล่นเกมนี้ เพื่อชนะ ไม่ใช่เพื่อรวย (แล้วมันจะตามมาเอง) ปลาที่จ้องแต่เหยื่อ ก็จะติดเบ็ดก่อนเสมอ
2. หุ้นขึ้นเพื่อที่จะลง หุ้นลงเพื่อที่จะขึ้น ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ขึ้นแล้วไม่ลง ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ลงแล้วไม่ขึ้น
3. การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น เป็นธรรมดาของมันอยู่เอง สิ่งที่ต้องทำก็คือทำอย่างไรต่อไป มากกว่าไปหาข่าวมาประกอบการตัดสินใจ เพราะจะทำให้ตัดสินใจช้าไป
4. ถ้าคิดว่า หุ้นจะลง ขาดทุนก็ต้องขาย ถ้าคิดว่า หุ้นจะขึ้น แพงกว่าเดิมก็ต้องซื้อ
5. อย่าเชื่อเรื่องประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิม ให้เชื่อจิตวิทยามวลชน คือเมื่อมวลชนทำเหมือนกันมากๆ ที่ถูกก็กลายเป็นผิด "ถ้า 2 ครั้งแรกเหมือนกัน ครั้งที่ 3 หรือ 4 มักไม่เหมือนเดิม"
6. อย่าเชื่อตัวเองมากเกินไป อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง ภาคภูมิใจมาก เพราะบางครั้ง เราก็แค่ฟลุคเท่านั้น
7. ทำการซื้อขายให้เป็นระบบอยู่เสมอ ต้องตอบได้ว่าซื้อเพราะอะไร ขายเพราะอะไร แล้วมันเป็นไปตามที่คิดหรือไม่? และตรวจสอบย้อนหลังได้ คนที่ซื้อโดยบอกเหตุผลย้อนหลังไม่ได้ คุณคิดว่าเขาจะทำกำไรได้อย่างไร?
8. อย่าให้อารมณ์มาชักนำการตัดสินใจ หุ้นก็แค่เรื่องหนึ่งในชีวิต เหมือนกินข้าว ไปเที่ยว จีบแฟน นอนหลับ ฯลฯ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนทุกวัน หุ้นขึ้นและลงทุกวัน เหมือนเรากินข้าวทุกวัน อาจมีเรื่องร้ายมากๆ เกิดขึ้นได้ สึนามิทำให้หุ้นตกได้ เหมือนแฟนเราอาจมีกิ๊กได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นตกแล้วไม่ขึ้น และไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเลิกกับแฟนแน่นอน ทั้งหลายทั้งหมดมันก็แค่เรื่องหนึ่งในชีวิตเท่านั้น
9. อย่าสร้างภาพอนาคตเอง ให้มองภาพปัจจุบัน มองความเป็นไปได้แล้ว เลือกตัดสินใจในสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่การสุ่มของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้นเอง อยู่นอกเหนือการควบคุม สิ่งที่เราทำได้ คือมีสติ เห็นปัญหาให้เร็วและยอมรับเพื่อเปลี่ยนแปลง แก้ไขไปตามสถานการณ์ ไม่ยึดติดกับภาพอดีตหรือความคาดหวัง
ตัวอย่างความคิดเห็นอื่นๆ ที่น่าสนใจในกระทู้
- "เห็นด้วยในหลายๆ ข้อ ยกเว้นข้อ 4 เพราะเท่ากับเรากำลังตามแห่มากกว่าจะใช้เหตุผล"
- "เห็นตรงข้ามกับข้อ 5 เพราะน่าจะเชื่อในปัจจัยพื้นฐาน เช่น ถ้าบริษัทกำไรดี (หรือคาดว่าน่าจะดี) หุ้นก็น่าจะขึ้นมากกว่าลงเสมอไป"
- "เวลาที่เราไม่เครียดกับการเล่นหุ้น ตลาดจะแดงหรือจะเขียว มันก็สนุกไปหมด นั่งดูหุ้นชาวบ้านเขาลากกันขึ้น ทุบกันลง เป็นอนิจจัง"
- "ตลาดมันสับสนมากๆ ขาดความมั่นใจมากๆ ทุกอย่างคลุมเครือหมดเลย ตอนนี้คนที่เสียใจคือคนที่ไม่มีแผนอะไรเลยในหัว"
- "ตอนนี้ผมลองฝึกเล่นหุ้นแบบมี Story คือนอกจากดูปัจจัยพื้นฐานแล้ว ก็ดูองค์ประกอบอื่นๆ ลองคาดการณ์เรื่องราวทั้งหมดว่าจะเป็นอย่างไรเป็นฉากๆ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การเล่นหุ้นไว้ล่วงหน้า"
- "เรากำหนดจุดซื้อจุดขายแล้วเราทำตามนั้นจริงหรือ? ผมไม่เคยติดหุ้นเลยครับ เพราะผมมีจุด stop loss ทุกครั้งที่ซื้อ ผมไม่ใช่ว่าไม่เคยตัดสินใจพลาด แต่ทุกครั้งที่พลาด ผมจำกัดขอบเขตของการผิดพลาดและเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด"
- "มีความสุข อยากเล่น ควบคุมอารมณ์ได้ จะทำให้ไม่กลัวเวลาที่คนอื่น กลัว = ซื้อได้ราคาไม่แพง, ไม่โลภเวลาที่คนอื่นโลภ = ขายได้ราคาไม่ถูก"
- "เทคนิคมันทำหลอกกันได้ เราจะให้ความสำคัญมันมากเกินไปก็ไม่ใช่ประเด็น เมื่อความรู้ทางเทคนิคของคุณอยู่ในระดับพอใช้การได้ สิ่งที่คุณพบว่า ยากกว่า จะเป็นเรื่องของการบังคับตัวเอง ให้เป็นไปตามระบบ ไม่ใช่ให้เป็นไปตามความโลภ กลัวของคุณเอง"
- "เป็นสไตล์ใครสไตล์มันครับ เคารพความคิดทุกคน"
|
|
|
|
|