|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ธันวาคม 2548
|
|
จีอี มันนี่ใช้เวลาเพียง 12 ปี สร้างธุรกิจในไทยจนกลายเป็นผู้นำรายหนึ่งในธุรกิจสินเชื่อ เพื่อผู้บริโภค โดยอาศัยฐานเงินทุน เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และในปีหน้าเป็นโอกาสที่จะก้าวกระโดดครั้งใหญ่ เมื่อเปิดให้บริการธนาคารเพื่อรายย่อย
เดือนมกราคม 2549 จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของจีอี มันนี่ในประเทศไทย เนื่องจากเป็นกำหนดเปิดดำเนินงานธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย ซึ่งจะทำให้จีอี มันนี่สามารถขยายบริการทางการเงินในไทยเพิ่มขึ้นได้อีกมาก ตั้งแต่การรับฝากเงินเอทีเอ็ม การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อ เพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไปจนถึงธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ช่วยให้โอกาสทางธุรกิจขยายตัวขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว
จีอี มันนี่เริ่มดำเนินธุรกิจในไทยตั้งแต่ปี 2536 ด้วยธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ภายใต้ชื่อ จีอี คอนซูเมอร์ ไฟแนนซ์ และเพิ่งมีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น จีอี มันนี่ภายในปีนี้ โดยปัจจุบันให้บริการสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระ
ธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อยถือหุ้นทั้งหมดโดยจีอี (General Electric : GE) ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วจำนวน 5,304 ล้านบาท นอกจากเรื่องของเงินทุนแล้ว ขณะนี้ได้มีการเตรียมในส่วนของระบบ Core Banking System ซึ่งเป็นระบบพื้นฐานสำคัญ ของธนาคารที่จะประกอบไปด้วยระบบฐานข้อมูลลูกค้า ระบบรับฝากเงิน โอนเงินอิเล็ก ทรอนิกส์และเคลียริ่งเช็ค ซึ่งระบบที่นำมาใช้จะเป็นระบบที่ใช้อยู่ในธนาคารจีอี มันนี่ทั่วโลก
จีอี มันนี่ได้ลงทุนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในปีนี้และปีหน้ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากระบบ Core Banking System แล้ว ยังจะนำไปใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถของระบบคอลเซ็นเตอร์เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น การสร้าง ศูนย์ข้อมูลในการจัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้าและการอัพเกรดเทคโนโลยีบริหารความเสี่ยง รวมทั้งระบบ CRM (Customer Relationship Management)
ทางด้านการขยายสาขา ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการออกแบบสาขาต้นแบบ โดยจะมีสาขาแห่งแรกอยู่ที่อาคารแคปปิตอล ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่และภายในปีแรกจะเปิดสาขารวมทั้งสิ้น 9 แห่ง โดยจะเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลักและคาดว่า ภายในปีแรกจะใช้พนักงานรวมประมาณ 300 คน ครอบคลุมทั้งในส่วนของสำนักงานใหญ่และสาขาทั้งหมด
ถึงแม้จะยังไม่เริ่มดำเนินงาน แต่เป้าหมายของธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อยก็เป็นในเชิงรุก ไม่ต่างจากนโยบายของจีอีแต่อย่างใด โดยจีอี มันนี่ตั้งเป้าว่า สินเชื่อเพื่อการเคหะและสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่จะเริ่มให้บริการในปีหน้าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 3 ผู้นำ ตลาดได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 ปี
"ธนาคารที่ให้บริการเพื่อรายย่อยยังมีช่องว่างอีกมาก เพราะธนาคารส่วนใหญ่ในปัจจุบันเน้นจับลูกค้ารายใหญ่" พิริยะ วิเศษจินดา ประธานจีอี มันนี่ ประเทศไทยกล่าว
สำหรับปีนี้ จีอี มันนี่ คาดว่าธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค โดยรวมจะมีการขยายตัวประมาณ 15% อย่างไรก็ตาม ผลการ ดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมา จีอี มันนี่มียอดสินเชื่อจำนวน 145,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว โดยธุรกิจที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 65% ของยอดสินเชื่อทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 35% จะแบ่ง เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระในอัตราใกล้เคียงกัน
ถึงแม้ชื่อของจีอี มันนี่ อาจจะไม่คุ้นหูผู้ถือบัตรเครดิตในไทยเท่าใดนักเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น แต่จีอี มันนี่กลับเป็นผู้ให้บริการบัตรเครดิตที่มีจำนวนบัตรมากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยยอด 1.75 ล้านบัตร เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 20% แบ่งเป็นบัตรกรุงศรีจีอี 650,000 บัตร บัตรเซ็นทรัล มาสเตอร์ การ์ด 600,000 บัตร และบัตรเทสโก้ โลตัสอีก 500,000 บัตร
พิริยะกล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการขยายช่องทางให้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันจีอี มันนี่มีสาขาให้บริการ 21 สาขาทั่วประเทศและในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลยังเปิดให้บริการที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 17 แห่ง รวมไปถึงศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น และได้นำเอา ระบบ CRM มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า ส่งผลให้สามารถเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
"ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ เทคโนโลยีไอที กลยุทธ์ CRM และการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพจะเป็น 3 ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ผู้ให้บริการคงความสามารถในการแข่งขันได้ในระยะยาว"
การรุกของจีอี มันนี่ที่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเริ่มดำเนินงาน ธนาคารตั้งแต่ต้นปีหน้าจะเป็นเหมือนการชิมลางของการบุกเข้าสู่ประเทศไทยของสถาบันการเงินจากต่างประเทศที่จะเกิด ขึ้นภายหลังจากการเปิดเสรีทางการเงิน และเมื่อถึงวันนั้น การ แข่งขันในอุตสาหกรรมนี้คงดุเดือดไม่น้อยเลยทีเดียว
|
|
|
|
|