ทุกวันนี้ ปัจจัยชี้นำทางเศรษฐกิจมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้การวางแผนธุรกิจ แผนการลงทุนของทุกองค์กรต้องดำเนินไปโดยอาศัยตัวแปรหลายประการด้วยกัน

ก่อนหน้านี้ในการที่จะลงทุนเพิ่มแต่ละครั้ง เราอาจพิจารณาแค่อัตราการเจริญเติบโตของ GDP ประเทศ ภาวะอุตสาหกรรม ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย ค่าเงิน ราคาน้ำมัน ฯลฯ

แต่ทุกวันนี้เราต้องคำนึงถึงเรื่องโรคระบาด ภัยธรรมชาติ การก่อวินาศกรรม รวมถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม

และดูเหมือนปัจจัยทั้ง 4 ประการข้างต้น กำลังเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการทำธุรกิจรุนแรง ยิ่งกว่าตัวแปรทางด้านเศรษฐกิจที่แท้จริง

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีอีกตัวแปรหนึ่งที่คนหลายต่อหลายคนมองข้าม หรือนึกไม่ถึง

นั่นคือสุขภาพของผู้บริหาร ตั้งแต่ระดับสูงลงมาถึงระดับกลาง ที่ควบคุมการปฏิบัติงานขององค์กร

จากสถิติทุกวันนี้ ซึ่งได้ข้อสรุปออกมาเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะในประเทศไทยและต่างประเทศ นั่นคือในแต่ละปีโรคหัวใจกลายเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนมากที่สุด ไม่แพ้โรคมะเร็ง และอุบัติเหตุ ที่สำคัญโรคหัวใจมักจะเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งคนจำนวนนี้ส่วนใหญ่ คือมันสมองและกำลังหลักของแต่ละองค์กร

โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังตื่นตัวกับแนวโน้มดังกล่าว และหลายแห่งที่ใช้ความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคหัวใจมาเป็นจุดขาย ในการดึงดูดคนทั่วไปให้เข้ามาใช้บริการ

ด้วยแนวโน้มดังกล่าว นิตยสาร "ผู้จัดการ" จึงเห็นว่า เรื่องของ "โรคหัวใจ" มิใช่ประเด็นที่จะพูดถึงกันแค่ในมิติทางสังคม หรือสุขภาพ แต่มันคือตัวแปรชี้นำทางธุรกิจที่กำลังมีอิทธิพลสำคัญ และน่ากลัวที่สุด

เรื่องจากปกฉบับนี้พยายามเฟ้นหาข้อเท็จจริง รวมถึงรูปแบบการรักษา และบริการที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งนำมาใช้ในการให้การรักษา

รายละเอียดจะเป็นเช่นไร เชิญเข้าไปสัมผัสได้ในนิตยสารที่กำลังอยู่ในมือท่านฉบับนี้

ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์