Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 พฤศจิกายน 2548
ธปท.เผยปี48 ขาดดุลบัญชีฯ 4พันล.ดอลล์             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Economics




ผู้ว่าการธปท. มั่นใจทั้งปีขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพียง 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีดีพีทั้งปีโตมากกว่า 4.5% ส่วนปี 49 จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 5.5% ย้ำเน้นโตอย่างมีเสถียรภาพมากกว่า และดูแลดุลบัญชีเดินสะพัดไม่ให้สูงเกินงาม ส่วนขุนคลัง ยันขาดดุลการค้า ต.ค.185 ล้านเหรียญสหรัฐไม่น่าเป็นห่วง ด้านคุณหญิงชฎา เผย 5.5% มีความเป็นไปได้สูงหากไม่เจอเหตุการณ์ช็อกเศรษฐกิจ ชี้สภาพคล่องลดลงเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลแล้ว

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "ความยืดหยุ่นที่น่ามหัศจรรย์ของเศรษฐกิจไทย" ว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีน่าจะลดลงเหลือประมาณ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 9 เดือนแรกที่ขาดดุลไปแล้ว 5,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นปริมาณการขาดดุลที่ไม่น่าเป็นห่วงและสามารถรับได้ เพราะคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ของจีดีพี

ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าเดือนตุลาคมจำนวน 185 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น ยังไม่ได้นับรวมดุลบริการบริจาคที่เกินดุลเฉลี่ยเดือนละ 500-800 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงให้รอดูตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดที่ ธปท.จะประกาศในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งมั่นใจว่าภายใน 3 เดือนของไตรมาส 4 นี้จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้อย่างแน่นอน

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลัง กล่าวว่า การขาดดุลการค้าจำนวน 185 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นตัวเลขที่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และในทางเศรษฐศาสตร์แล้วถือว่าตัวเลขดังกล่าวถือว่าเป็นการสมดุลการค้า ดังนั้นจึงเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด

ส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไทย (จีดีพี) นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวสูงกว่า 4.5% และในช่วงครึ่งหลังของปีจะขยายตัวได้มากกว่า 5% ดังนั้นการขยายตัวของทั้งปีจะอยู่ที่ 4.25 - 4.75% ตามเป้าหมายที่ ธปท.ตั้งไว้ และในปี 2549 จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 5.5% ซึ่ง ธปท.ไม่ต้องการให้ตัวเลขพุ่งพรวดเร็วเกินไป แต่ต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพมากกว่า รวมทั้งดูแลดุลบัญชีเดินสะพัดและอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินพอดี

อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยยังมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งคงจะกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และการปล่อยสินเชื่ออุปโภคบริโภค แต่ผู้ดำเนินนโยบายจะดูแลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ธปท.มองว่าการส่งออกของไทย ในระยะต่อไปจะขับเคลื่อนโดยเศรษฐกิจภายในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยให้การปรับตัวต่อวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของเศรษฐกิจไทยดีขึ้นอีก โดยตัวเลขการค้าระหว่างประเทศไทยกับเศรษฐกิจ 9 ประเทศหลักในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น ประกอบด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคมปีนี้มีสัดส่วนการค้าขายสูงถึง 40.2% ขณะที่การค้าขายระหว่าง 10 ประเทศอาเซียน บวก 3 คือ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น มีสัดส่วนสูงถึง 39.5% ดังนั้น การค้าขายในภูมิภาค จึงจะเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ในการขยายตัวของเอเชียและประเทศไทย

"การพึ่งพากันระหว่างประเทศในแถบเอเชียจะทำให้การค้าขาย และการลงทุนในประเทศในเอเชียเชื่อมต่อกันมากขึ้น และเป็นความท้าทายของการผลิตของธุรกิจไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย อีกทั้งยังจะช่วยดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ และการที่มีโครงการเมกะโปรเจกต์เพิ่มขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐก็จะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันอีกทาง" ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้มากที่เศรษฐกิจไทยในปี 2549 จะขยายตัว 5.5% ตามที่ผู้ว่าการ ธปท.ระบุ หากเศรษฐกิจไม่เผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรง ซึ่งในส่วนของธนาคารเองมองว่าเศรษฐกิจของไทยในปี 2549 น่าจะขยายตัวได้ในอัตรา 4-5% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

สำหรับการขยายตัวทางสินเชื่อของธนาคาร ในช่วง 10 เดือนของปีนี้ที่ขยายตัว 7-8% ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคาดว่าในปีหน้า สินเชื่อของธนาคารจะขยายตัวได้ในอัตรา 8-9%

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สภาพคล่องในระบบเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น ซึ่งดุลบัญชีเดินสะพัดที่มีการขาดดุลแสดงให้เห็นว่าเงินไม่ได้ไหล เข้าในระบบมากเหมือนในอดีต รวมทั้งปัจจุบัน ไม่มีคลังจังหวัดในการรับเงินสดจากธนาคาร ทำให้ธนาคารทุกแห่งต้องสำรองเงินสดไว้เองและต้องสำรองสูงถึง 2 เท่าเมื่อเทียบอดีต ทำให้สภาพคล่องในระบบลดลง

นายภากร ปีตธวัชชัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายบริหารการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงสภาพคล่องของระบบธนาคารในปัจจุบันว่า ในส่วนของธนาคารเองมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลือเพียง 2-3 แสนล้านบาท ลดลงจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ธนาคารเชื่อว่าในปี 2549 ธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตามสภาพคล่องที่ลดลง ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับขึ้นถึงเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงที่สุดในช่วงกลางปีหน้า และจะปรับลดลงหลังจากนั้น

สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนนั้น เงินสกุลบาทจะอ่อนค่าลงอีกเล็กน้อยไปจน ถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงใกล้เคียงกับเงินสกุลเยนและยูโร ตามการแข็งค่า ขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐยังสามารถขยายตัวได้ดี ประกอบกับปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เงินทุนสามารถไหลเข้าไปยังตลาดเงินของสหรัฐฯได้โดยไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้นจึงมีเงินลงทุนไหลเข้าสหรัฐฯมากและจะผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาค่าเงินสกุลหยวนของจีนด้วย เพราะหากหยวน แข็งค่าขึ้นก็จะส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งเงินบาทของไทยแข็งค่าตาม

ขณะที่นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า เศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะขยายตัวใกล้เคียงกับปีหน้าที่ระดับ 4-5% เนื่องจากการส่งออก และการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้น มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อรักษาสมดุลระหว่างเงินฝากและเงินกู้

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของระบบธนาคารนั้น จะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้สถาบันการเงินทุกแห่งพยายามแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เป็นภาระ ส่วนสินเชื่อของธนาคารเองในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 5% โดย 9 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อของธนาคารขยายตัวสุทธิ 2-3% ดังนั้นสิ้นปีนี้น่าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการ ผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงกรณีที่ไทยขาดดุลการค้า จำนวน 185 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนตุลาคม 48 ที่ผ่านมาว่า จะพิจารณาตัวเลขเดือนต่อเดือนไม่ได้ เนื่องจากจะเห็นภาพไม่ชัดเจน ซึ่งธนาคารได้คาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าปีนี้ประเทศไทยจะขาดดุลการค้าประมาณ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us