Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2540
กองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน แนวคิดใหม่ที่คนไทยควรต้องร่วมมือ             
 


   
search resources

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์
Energy




"ใน 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้ขอยื่นเรื่องเสนอโครงการเข้ามาประมาณ 30 โครงการ ซึ่งถือว่าน้อยเพราะคณะกรรมการกองทุนไม่สามารถจะอนุมัติเงินตามที่ขอมาได้ทั้งหมด เนื่องจากบางโครงการเสนอเกินความเป็นจริง และมีความหลากหลายน้อย การจะตัดสินใจอนุมัติจึงต้องชะลอไว้ ทำให้เงินกองทุนที่ตั้งไว้ในแต่ละปีต้องยกยอดมาใช้ในปีต่อ ๆ ไปทำให้การศึกษาวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต้องล่าช้าออกไป ซึ่งไม่ก่อผลดีต่อประเทศชาติ" ดร.ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันท์ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ สพช. ได้กล่าวถึงการดำเนินงานให้การสนับสนุนของเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

สพช. ได้ดำเนินการให้การส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานภายใต้แผนงานภาคความร่วมมือเพื่อสนับสนุนเงินแบบให้เปล่าแก่หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร โดย สพช. เป็นองค์กรที่สนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในการผลิตทั้งในด้านเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมในชนบท ทำให้มีการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมากมาใช้อย่างแพร่หลาย ก่อให้เกิดตลาดของสินค้าและบริการที่ช่วยสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงาน และกระตุ้นให้มีการศึกษาวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีด้านการอนุรักษ์พลังงานที่สามารถนำเอาผลการศึกษามาเผยแพร่ใช้ในโรงงาน อาคารตลอดจนครัวเรือน แต่ปรากฏว่า ใน 2 ปีที่ผ่านมาถือว่ายังไม่สามารถดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ได้

เนื่องจากยังขาดการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ถึงการได้รับการส่งเสริมเงินจากกองทุน อีกประการหนึ่ง คือ การประกาศใช้กองทุนอนุรักษ์พลังงานเพิ่งเกิดเมื่อปี 2535 แต่สามารถดำเนินตามกฎหมายในปี 2538 ประกอบกับมีหน่วยงานให้ความสนใจน้อย ทำให้เงินที่จัดสรรไว้ไม่สามารถอนุมัติออกได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งการจะอนุมัตินั้น กองทุนฯ จะมีคณะกรรมการฯ คอยพิจารณาว่า สมควรให้มากน้อยเพียงใดและเป็นประโยชน์จริงหรือไม่

"ค่าวัดง่าย ๆ เลย ก็คือ ในแต่ละโครงการที่ขอเข้ามาต้องมีการตอบแทนตามหลักเศรษฐศาสตร์ไม่น้อยกว่า 9% แต่ในขณะเดียวกันถ้าผลตอบแทนในแต่ละโครงการสูงมากเกินไป เราก็จะไม่ให้ เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและเลี้ยงตนเองได้ ไม่ควรจะเอาเงินส่วนกลางนี้ไปช่วยเหลือ"

สำหรับโครงการที่จะขอรับการพิจารณาจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานนั้น มีทั้งที่เป็นอาคาร และโรงงาน ซึ่งผู้ที่อยู่ในข่ายที่เข้าเงื่อนไขได้มีอาคารทั่วประเทศประมาณ 1,000 แห่งและโรงงานอีกประมาณ 4,000 แห่งจากทั่วประเทศเช่นกัน มีทั้งอาคารใหม่ และอาคารเก่า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะอาคารเก่ามากกว่าเพราะอาคารใหม่นั้นจะสร้างอย่างถูกเงื่อนไขอยู่แล้ว

ตัวอย่างของอาคารที่จะได้รับความช่วยเหลือ คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว โรงแรมดุสิตธานี อาคารของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย นอกจากนั้น ก็ยังมีโครงการอนุรักษ์พลังงานในชนบท ซึ่งจะเป็นกิจการขนาดเล็กหรือพลังงานหมุนเวียน พลังงานเหลือใช้ต่าง ๆ เช่น ลม แสงอาทิตย์ วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้กล่าวต่อไปถึงเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานว่า เงินกองทุนทั้งหมดมี 12,000 ล้านบาท ใช้ไปแล้วแค่ 1,000 ล้านบาท คงเหลือถึง 11,000 ล้านบาท

สำหรับ 1,000 ล้านบาทที่ใช้ไปนั้น ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ งานค้นคว้าวิจัย การฝึกอบรม และกับโครงการที่ได้รับการส่งเสริมไป โดยในปี 2539 นี้มีโครงการที่เข้ามาขอส่งเสริมจำนวน 313 ล้านบาท ซึ่งเป็นอาคารของภาครัฐทั้งสิ้น นอกจากนี้ ก็ยังเป็นค่าใข้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์การใช้พลังงานในอาคารของรัฐอีก 225 แห่ง มีอาคารที่ขอปรับปรุงไปแล้ว 150 แห่ง

ส่วนที่สอง คือ แผนงานภาคความร่วมมือ ซึ่งให้ไปแล้ว 10 โครงการ จำนวนเงิน 187.7 ล้านบาท เป็นกิจกรรมอนุรักษ์พลังงานในชนบท เช่น ก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์แทนไฟฟ้า การประหยัดพลังงานในโรงบ่มใบยาสูบ มูลค่า 10 ล้านบาท ซึ่งถ้าได้ผลตามที่ต้องการจะนำไปใช้กับโรงบ่มใบยาทั่วประเทศ หรือการใช้ก๊าซธรรมชาติจากกองขยะ ขณะนี้กำลังทดลองอยู่ที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม มูลค่า 26 ล้านบาท

ทางด้านแนวโน้มราคาน้ำมันจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ ในปี 2540 นั้น ดร.ปิยะสวัสดิ์ กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวนั้น คาดว่า ในครึ่งแรกของปีจะไม่มีการปรับเนื่องจากในปี 2539 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ราคาน้ำมันมีราคาสูงที่สุดในรอบ 6 ปี เพราะเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น อิรักรุกรานชาวเคิร์กส์ เป็นผลให้อิรักไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้

ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันในส่วนต่าง ๆ ของโลกมีเพิ่มขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมไม่สดใส ทำให้บริษัทน้ำมันใหญ่ ๆ ของโลกสต็อกน้ำมันน้อยลงเพื่อเป็นการลดต้นทุน พอมีปัญหาน้ำมันขึ้นมาก็เลยทำให้น้ำมันไม่พอใช้ ราคาจึงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี

"แต่ในส่วนของประเทศไทยเราเองก็ถือว่าสำรองน้ำมันดิบไว้ได้ไม่ต้องห่วง คือ สต็อกไว้ตามมาตรฐานของประเทศกำลังพัฒนา คือ 36 วัน หรือ 2,000 ล้านลิตร แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วต้องสำรองอย่างน้อยต้อง 90 วัน แต่เราก็ยังประมาทไม่ได้ ทางที่ดีก็ควรต้องช่วยกันประหยัดพลังงานกันไว้ให้มากที่สุด ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนตราบใดที่เรายังไม่มีบ่อน้ำมันของเราเอง"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us