|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทีโอทีเซ็นสัญญากับทอท. เรียบร้อยแล้วสำหรับการเป็นผู้ให้บริการหลักระบบโทรศัพท์พื้นฐานและระบบสื่อสารโทรคมนาคมในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นเวลา 10 ปีด้วยการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ทอท. 5-15% ปิดโอกาสกลุ่มทรู หลังมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในสัญญา
นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอทีกล่าวว่าได้ลงนามในสัญญากับบริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือทอท.ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมาเพื่อให้บริการระบบโทรศัพท์และสื่อสารโทรคมนาคมภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นระยะเวลา 10 ปีตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ โดยสัญญาระบุชัดเจนว่าทีโอทีเป็นผู้ให้บริการหลักในการให้บริการระบบโทรศัพท์พื้นฐาน และระบบสื่อสารโทรคมนาคม (fixed line and wire line networks) โดยทีโอทีเป็นผู้ลงทุนจัดหาอุปกรณ์หลักและโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณท่าอากาศยานทั้งหมดยกเว้นเฉพาะในส่วนที่ทอท.ได้เดินสายไว้แล้ว
ทีโอทีได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 925 ล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด 1,300 ล้านบาท ส่วนการลงทุนระหว่างปีนอกเหนือจากนี้ หากต้องมีการลงทุนอะไรเพิ่มเติมก็จะต้องมีข้อตกลงร่วมในแต่ละกรณีไป และตามสัญญาทีโอทีจะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ทอท.ระหว่าง 5-15% ขึ้นอยู่กับประเภทของบริการและระยะเวลาที่ให้บริการคือ
1.บริการโทรศัพท์พื้นฐาน,ไอเอสดีเอ็น,โทรศัพท์ระบบไอพีและบริการสื่อสารข้อมูล ( fixe line,ISDN,IP Phone and data service) จ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ทอท.ปีแรก 5% ปีที่2-ปีที่ 5 จ่าย 10% และเมื่อถึงปีที่ 6-10 จ่าย 15%
2.บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ จ่ายส่วนแบ่งรายได้ปีแรก 10% และตั้งแต่ปีที่ 2 จ่าย 15%
3.บริการโทรศัพท์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Web phone) จ่ายส่วนแบ่งรายได้ 5%ตลอดสัญญา
และ 4.บริการโทรศัพท์สาธารณะแบบหยอดเหรียญและใช้บัตร (combine payphone) จ่ายส่วนแบ่งรายได้ 7% ตลอดสัญญา
“ทีโอทีจะมีรายได้จากบริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ยปีละ 300-400 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับทราฟิก และการปรับใช้บริการของประชากรในพื้นที่ด้วย”
สำหรับในส่วนของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเคยถูกระบุว่าจะเข้ามาเป็นผู้ให้บริการเพิ่มอีก 1 รายนั้น นายธีรวิทย์กล่าวว่า ยังไม่มีการลงนามสัญญาอื่นใดที่ระบุถึงบริษัท ทรู ซึ่งสัญญานี้พูดถึงทีโอทีเป็นผู้ให้บริการรายหลักซึ่งจะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ทอท.เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในสัญญายังระบุด้วยว่ากรณีที่ทอท.จะให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่น เข้ามาให้บริการด้วยนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
แหล่งข่าวในกระทรวงไอซีทีกล่าวว่า ประเด็นที่สัญญาระบุว่ากรณีที่ทอท.จะให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่น เข้ามาให้บริการด้วยนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเท่ากับเป็นการปิดโอกาสบริษัท ทรู เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงบางประโยคในสัญญา จากเดิมที่ใช้คำว่าผู้ประกอบการรายอื่นก็เปลี่ยนเป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่น ทำให้บริษัท ทรูซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นบริษัทคู่สัญญาร่วมการงานกับทีโอที และยังไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งก็หมายถึงบริษัท ทรู ไม่ถือเป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่น เนื่องจากปัจจุบันมีเพียงทีโอทีและบริษัท กสท โทรคมนาคม เท่านั้นที่เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่ได้รับใบอนุญาตจากกทช.ถูกต้องตามกม.ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา
“การเปลี่ยนเนื้อหาในสัญญา โดยเพิ่มคำว่าผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่น เท่ากับทำให้บริษัทคู่สัญญาร่วมการงานหมดสิทธิทันที”
|
|
|
|
|